กองทุนรวม
'ทรีนีตี้' ฟันธงปีหน้าดัชนีหุ้นทะลุ 1,800 แนะลงทุนรายบริษัท ห่วงปัจจัยเสี่ยงภูมิศาสตร์การเมืองโลก


 บล.ทรีนีตี้คาดการณ์ SET Index ปรับตัวทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2561  มองเป้าหมายดัชนีที่ระดับ 1,815 จุด โดยปัจจัยหนุนทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แนะระวังปัจจัยเสี่ยงทางด้านภูมิศาสตร์การเมือง

 

 

 

ดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า SET Index ในปี 2561 คาดว่าจะมีการปรับตัวทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมองเป้าหมายดัชนีที่ระดับ 1,815 จุด (โดยใช้ค่าเฉลี่ยของ Earning Yield Gap และค่าเฉลี่ยของค่ากลางของ Forward P/E 3 ปีย้อนหลัง) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภายในและภายนอก ปัจจัยภายใน ได้แก่ เศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 4% ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ถือเป็นภาวะที่ตลาดหุ้นไทยชื่นชอบ

คาดการณ์จัดการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปี 2561 ถึงต้นปี 2562 ซึ่งน่าจะทำให้ภาพลักษณ์การลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างชาติปรับตัวดีขึ้น ประเมินรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นรัฐบาลส่วนผสมที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย  และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะเป็นตัวผลักดันเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติให้ไหลเข้าสู่ประเทศ พร้อมทั้งผลักดันการจ้างงานและการบริโภคให้เกิดขึ้น ซึ่งยังมีแรงหนุนจากราคาสินค้าเกษตรเช่นข้าว ที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

   ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุล แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนั้น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ยังคงเดินหน้าอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยจนถึงเดือนกันยายนปี 2561 และการที่มีดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบทำให้นักลงทุนให้ความสนใจในตลาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาดไทย

      การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งของนาย Jerome Powell ประธาน Fed คนใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯให้ปรับเปลี่ยนไปจากยุคของนาง Janet Yellen เนื่องจากมีแนวคิดนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปที่คล้ายกันอย่างมาก คาดว่าเงิน USD จะยังคงทรงตัวอ่อนค่าต่อไป

        รวมถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้วที่น่าจะผ่อนคลายต่อไป ทำให้คาดว่าจะมีกระแสทุนต่างชาติส่วนหนึ่งไหลออกจากประเทศพัฒนาแล้วเข้าสู่ประเทศเกิดใหม่ได้อีก โดย Valuation ของประเทศเกิดใหม่หลายประเทศยังคงมีความน่าสนใจกว่าโดยเปรียบเทียบ

อีกทั้งเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวสูงขึ้นจนส่งผลบวกต่อราคาโภคภัณฑ์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยืนอยู่ในระดับสูงได้อย่างน้อยจนถึงกลางปี 2561 ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยประคับประคองกลุ่มพลังงานและ SET Index ต่อไป

                อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องระวังสำคัญที่สุดได้แก่ ปัญหาภูมิศาสตร์การเมือง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งประเด็นเกาหลีเหนือ ความขัดแย้งที่กรุงเยรูซาเล็ม ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย ความเสี่ยงต่อการล่มสลายภาคธนาคารเงาและระบบสถาบันการเงินของประเทศจีน

                รวมถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในยุโรปจากฝ่ายชาตินิยมขวาจัดโดยเฉพาะในอิตาลี เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความเสี่ยง Tail risk ที่สำคัญ (โอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่หากเกิดขึ้นผลกระทบจะรุนแรง) เนื่องจากประเมินว่า ณ ขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้เตรียมรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้มากนัก สะท้อนจากดัชนี VIX Index (ดัชนีชี้วัดความผันผวนและความเสี่ยง) ที่ตอนนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

                ประเมินกลยุทธ์การลงทุนในปี 2561 จะต้องเลือกลงทุนเป็นรายบริษัทมากขึ้น  เช่น บริษัทที่ผ่านช่วงของการใช้เงินลงทุนในระดับสูงไปแล้วจนมีกระแสเงินสดอิสระอยู่ในระดับสูง ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มองว่ามี Upside น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปี 2561 ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เตรียมได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคอุปสงค์ในประเทศ พร้อมทั้งมี Valuation ที่ถูก ซึ่งตลาดอาจให้มูลค่าเพิ่มขึ้น หากปัญหา NPL เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง


LastUpdate 20/12/2560 22:31:36 โดย : Admin
20-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. พรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ราคาน้ำมันดีเซล ปรับขึ้น 50 สต./ลิตร ตามมติ กบน. มีผลเที่ยงคืนนี้

2. ตลาดหุ้นปิด (19 เม.ย.67) ลบ 28.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,332.08 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 เม.ย.67) ลบ 25.09 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,335.93 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

5. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

6. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

7. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

10. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

13. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

15. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 7:10 pm