กองทุนรวม
ที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจกองทุน TFFIF เพิ่มศักยภาพประเทศ เปิดโอกาสนักลงทุนรับผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว


ที่ปรึกษาทางการเงินกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย มั่นใจ กองทุน TFFIF หนุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศ สร้างโอกาสการออมเงินให้แก่ผู้ลงทุน จากการเข้าลงทุนครั้งแรกสิทธิในการรับรายได้ 45% ของค่าผ่านทางพิเศษ 2 สาย ที่จัดเก็บได้ 30 ปี เตรียมให้ข้อมูลรายย่อยในภูมิภาค หวังเปิดโอกาสประชาชนได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว    

การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ กองทุน TFFIF เป็นไปตามการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดแนวทางการระดมทุนในตลาดทุน เพื่อนำมาสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขนาดใหญ่ โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ได้มีมติเห็นชอบหลักการจัดตั้งกองทุน TFFIF ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

 

 

นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลักการจัดตั้งกองทุน TFFIF นั้น เพื่อสนับสนุนการลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว จัดหาแหล่งเงินทุนใหม่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เป็นช่องทางให้นักลงทุน และผู้มีเงินออมสามารถลงทุนในทรัพย์สินของรัฐ ที่มีคุณภาพ และสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ 

โดยการระดมทุนด้วยการจัดตั้งกองทุน TFFIF มีข้อดีในการลดภาระในการลงทุนของภาครัฐ เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐที่ผ่านมานั้นจะเกิดจากการกู้ยืมเงินเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีข้อจำกัดด้านการลงทุนจากเพดานหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ 41% ต่อจีดีพี แม้ว่าระดับเพดานหนี้สาธารณะดังกล่าว ยังต่ำกว่านโยบายทางการคลังเพื่อความยั่งยืนของประเทศ ที่กำหนดให้หนี้สาธารณะของไทยไม่ควรเกิน 60% ต่อจีดีพี แต่ประเทศไทยยังมีความจำเป็นต้องลงทุนอีกหลายส่วน อาทิ การรักษาพยาบาล การศึกษา ฯลฯ การจัดตั้งกองทุน TFFIF จึงช่วยสนับสนุนการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประเทศ

 

 

ขณะที่ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวเสริมว่า กองทุน TFFIF จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินทุนจากนักลงทุนในวงกว้าง และนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหน่วยลงทุน ไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน เพื่อเป็นรายได้ของกองทุน และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ และไม่มีการกำหนดอายุกองทุน 

กองทุน TFFIF มีนโยบายที่จะจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสมเพียงพอ และโดยรวมแล้วในแต่ละรอบบัญชี จะจ่ายในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว

ส่วนทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุน TFFIF จะลงทุนครั้งแรก ได้แก่ การลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของค่าผ่านทางรวมสุทธิที่จัดเก็บได้จากเส้นทางปัจจุบันของทางพิเศษ 2 สาย เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยังคงเป็นผู้บริหารจัดการตามปกติ  

ได้แก่ 1. ทางพิเศษฉลองรัช ระยะทาง 28.2 กิโลเมตร ที่เชื่อมต่อถนนวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออกบริเวณจตุโชติ เข้ากับทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณอาจณรงค์และทางพิเศษบางนาอาจณรงค์ และ 2. ทางพิเศษบูรพาวิถี ระยะทาง 55 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในทางยกระดับที่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางที่มีระยะทางยาวที่สุดในประเทศไทย และมีจุดเริ่มต้นจากปลายทางพิเศษเฉลิมมหานครบริเวณบางนาไปทางทิศตะวันออก ข้ามแม่น้ำบางปะกง สิ้นสุดที่จังหวัดชลบุรี

 

 

ด้าน นายเอกภพ เมฆกัลจาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวด้วยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี ที่กองทุน TFFIF เข้าลงทุนในรายได้ครั้งแรก มีปริมาณการจราจรโดยเฉลี่ย 369,464 คันต่อวัน สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 และ 386,891 คันต่อวันสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 

โดยรายได้ค่าผ่านทางพิเศษที่กองทุนเข้าลงทุนในรายได้ครั้งแรก คิดเป็น 4,672 ล้านบาท สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 และ 2,045 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561  

ขณะที่ความคืบหน้าการนำกองทุน TFFIF เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติและร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) สำหรับการเพิ่มทุนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...)  

นอกจากนี้กองทุน TFFIF มีแผนที่จะให้ข้อมูลกับนักลงทุนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากกองทุน TFFIF โดยการจัดสรรหน่วยลงทุนในส่วนของผู้ลงทุนทั่วไปนั้น จะดำเนินการในรูปแบบ Small  Lot First  เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนอย่างทั่วถึง


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ก.ย. 2561 เวลา : 18:15:15
19-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

2. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

3. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

4. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

5. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ร่วง 19.40 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย

6. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ลบ 45.66 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-ผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

7. ทองเปิดตลาด (18 เม.ย. 67) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,800 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 เม.ย.67) บวก 5.7 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,372.01 จุด

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนึ้ (18 เม.ย.67) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 36.78 บาทต่อดอลลาร์

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.65-36.95 บาท/ดอลลาร์

11. พรุ่งนี้ (18 เม.ย. 67) ราคาน้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สต./ลิตร

12. ตลาดหุ้นปิด (17 เม.ย.67) ลบ 29.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,366.94 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า(17 เม.ย.67) ลบ 30.34 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,366.04 จุด

14. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,365 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,400 เหรียญ

15. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 9:26 am