เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
คลังพร้อมร่วมมือธปท.ออกมาตรการสกัดการแข็งค่าของเงินบาท


นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทในปัจจุบันมีสาเหตุหลักมาจากผู้ส่งออกของไทยสามารถส่งสินค้าและบริการออกไปขายในต่างประเทศมีมูลค่าสูงกว่าการนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติมีมุมมองที่ดีต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้มีเงินตราจากต่างประเทศไหลเข้ามาประเทศทั้งในรูปของการลงทุนในหลักทรัพย์ และการลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริง จึงส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น


ที่ผ่านมากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ เพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินบาท ซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้

1. การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การนำเงินรายได้จากการส่งออกกลับเข้าประเทศ โดยการขยายวงเงินรายได้จากการส่งสินค้าออกที่ไม่ต้องนำกลับเข้าประเทศ (Repatriation) จากเดิมที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (สรอ.) เป็นที่มีมูลค่าต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ สรอ. และผ่อนผันให้ผู้ที่มีรายได้จากการส่งสินค้าออกไม่ต้องนำเงินดังกล่าวกลับเข้าประเทศในกรณีนำไปหักกลบกับคู่ค้าในต่างประเทศ
2. การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การซื้อหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยอนุญาตให้สามารถโอนเงินออกนอกประเทศได้ทุกวัตถุประสงค์ ยกเว้นวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องยื่นขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอดจนอนุญาตให้สามารถโอนเงินไปซื้อ ซื้อสิทธิการเช่าหรือชำระค่าใช้จ่ายในการตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศได้ ทั้งกรณีถือกรรมสิทธิ์ด้วยตนเองและบุคคลในครอบครัว ในวงเงินไม่เกินปีละ 50 ล้านดอลลาร์ สรอ.
 
3. การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถโอนเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้เองในวงเงินไม่เกินปีละ 200,000 ดอลลาร์ สรอ.จากเดิมที่ต้องผ่านตัวกลางในประเทศ และการเพิ่มวงเงินรวมสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จากเดิม 100,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็น 150,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
4. การผ่อนคลายการซื้อขายทองคำภายในประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ทั้งนี้กระทรวงการคลังพร้อมจะประสานความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการออกมาตรการหรือนโยบายต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต่อไป

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 พ.ย. 2562 เวลา : 15:49:04
03-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (2 ก.ค.68) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,115.69 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ก.ค.68) ลบ 4.59 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,105.42 จุด

3. MTS Gold คาดราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,400 บาท/บาททองคำ

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (2 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคอีสาน-ภาคตะวันออก 80% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง 70% ภาคใต้ 60%

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (1 ก.ค.68) บวก 400.17 จุด รับแรงหนุนหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (1 ก.ค.68) พุ่ง 42.10 ดอลลาร์ แห่ซื้อทองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสภาผ่านร่างกฎหมายภาษีทรัมป์ดันหนี้สาธารณะพุ่ง

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (2 ก.ค. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,050 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (2 ก.ค.68) บวก 2.11 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,122.22 จุด

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (2 ก.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

11. พรุ่งนี้ (2 ก.ค. 68) น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอลล์ลดราคา 30 สต./ลิตร

12. ประกาศ กปน.: 3 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนทางหลวงหมายเลข 345

13. ตลาดหุ้นปิด (1 ก.ค.68) บวก 20.45 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,110.01 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (1 ก.ค.68) บวก 2.57 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,092.13 จุด

15. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 3,300 เหรียญ และมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,350 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 3, 2025, 9:56 am