หุ้นทอง
บล.บัวหลวงคัดกองทุน LTF-RMF ผลงานเด่น เสิร์ฟนักลงทุนรับตลาดผันผวน


หลักทรัพย์บัวหลวง มองตลาดหุ้นโค้งสุดท้ายของปีนี้ผันผวน แนะเลือกกองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นที่มีค่าความผันผวนต่ำและปันผลสม่ำเสมอ ส่วนกองทุน RMF เน้นประเภทกระจายความเสี่ยงในหลายสินทรัพย์ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต ชี้กองทุน SSF ส่งผลดีต่อการออมเงินระยะยาว พร้อมคัดรายชื่อกองทุนผลตอบแทนเด่น เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษี


 
 
 
นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ส่วนงานค้าตราสารหนี้และหน่วยลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562 ต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2563 ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวน จากปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงการประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน ฉะนั้นถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)” และ “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)” ที่มีผลการดำเนินงานดีสม่ำเสมอ

โดยกองทุน LTF ถือเป็นปีสุดท้ายที่สามารถลงทุน เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เราคาดว่า นักลงทุนยังคงใช้สิทธิ์ เพื่อรับผลประโยชน์ทางภาษีต่อเนื่อง เพราะการลงทุนในกองทุนรวมให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนที่ดี ท่ามกลางตลาดผันผวน จากสถิติพบว่า นักลงทุนมากกว่าครึ่งที่ถือลงทุนกองทุนรวมจนครบเงื่อนไข ส่วนใหญ่จะถือและลงทุนต่อ ฉะนั้นในปีนี้แนะนำให้ลงทุนเต็มสิทธิ์ไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี หรือไม่เกิน 5 แสนบาท

“กองทุนรวมเพื่อการออม หรือ Super Savings Fund (กองทุน SSF) ที่มาทดแทนกองทุน LTF ที่กำลังจะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีลงในสิ้นเดือนธ.ค.2562 เชื่อว่าจะส่งผลดีในด้านของการออมเงิน โดยเฉพาะผู้มีรายได้ไม่เกิน 1.66 ล้านบาทต่อปี เพราะสามารถใช้สิทธิ์ได้มากขึ้น หลังกองทุน SSF ได้ขยายวงเงินลงทุนสูงสุดเป็นไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท จากเดิมที่ซื้อได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท แต่การกำหนดให้นำวงเงินลดหย่อนของการลงทุนเพื่อการออมทุกประเภทมารวมกันแล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท ในแต่ละปีภาษี จากเดิม 1 ล้านบาท อาจทำให้เม็ดเงินลงทุนโดยรวมเข้าตลาดลดลง เพราะกองทุน SSF ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่จำเป็นต้องลงทุนหุ้นอย่างเดียว” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนกองทุนรวมช่วงตลาดผันผวน แนะนำให้ลงทุนในกองทุน LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีค่าความผันผวนต่ำ หรือ Low Volatility ที่มีชื่อว่า “กองทุนเปิดแอล เอเช สแทรทิจี อิควิตี้ หุ้นระยะยาว (LHSTGLTF-A)” ซึ่งเป็นกองทุนที่เลือกลงทุนในหุ้นปลอดภัย (Defensive Stocks) ที่จ่ายเงิน ปันผลดี และมีความผันผวนต่ำ โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาอยู่ระดับ 10.01% เมื่อเทียบตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2%

ส่วนนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงขึ้นไปอีก แนะนำลงทุนในกองทุน LTF ที่จ่ายเงินปันผลระหว่างการลงทุนที่ชื่อ “กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF)” ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมีความมั่นคงไม่เกิน 20 ตัว เช่น กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ,เงินฝาก บัตรเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น ซึ่งผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาอยู่ระดับ 9.23% และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 11.44% ต่อปี

ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวม กล่าวต่อว่า กลยุทธ์การลงทุนในกองทุน RMF สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยง รับผลตอบแทนน้อยได้ และไม่ต้องการขาดทุน แนะนำให้ลงทุนใน “กองทุนเปิด พริน ซิเพิล มันนี่ มาร์เก็ตเพื่อการเลี้ยงชีพ (PRINCIPAL MMRMF)” ที่เน้นลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งในและต่างประเทศ โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาอยู่ระดับ 1.19%

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ แนะนำลงทุนในกองทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศอย่าง “กองทุนบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเลี้ยงชีพ (IN-RMF)” ที่ลงทุนในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และ “กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH)” ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นหลัก โดยทั้งสองกองทุนสร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาเฉลี่ย 15.59% และ 25.22% ตามลำดับ

“การลงทุนกองทุน RMF ในช่วงตลาดผันผวน นักลงทุนควรจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ โดยเน้นลงทุนกองทุนที่กระจายความเสี่ยงไปในหลากหลายสินทรัพย์ สำหรับความเสี่ยงปานกลาง แนะนำให้แบ่งสัดส่วนการลงทุนไปในตราสารหนี้ 60% หุ้นไทย 20% และหุ้นต่างประเทศ 20%” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

ปัจจุบันหลักทรัพย์บัวหลวง เป็นตัวแทนขายกองทุนทั้งหมด 19 บลจ. โดยมีบลจ.ที่เข้าร่วมใน BLS Fund Connext ทั้งหมด 16 บลจ.ซึ่งสามารถซื้อขายออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming for Fund และอีก 3 บลจ. สามารถซื้อขายได้ โดยกรอกแบบฟอร์มคำสั่งซื้อขาย ขณะเดียวกันยังให้คำแนะนำและบริการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนผ่านกองทุนรวมอีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-618-1111

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ธ.ค. 2562 เวลา : 10:54:01
19-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

2. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

3. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

4. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

6. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

7. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

9. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

10. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

11. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

12. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

13. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ร่วง 19.40 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย

14. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ลบ 45.66 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-ผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

15. ทองเปิดตลาด (18 เม.ย. 67) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,800 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 12:58 pm