หุ้นทอง
ฉวยจังหวะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสรอช้อนหุ้นเด่น-พื้นฐานแกร่ง


สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้เกิดอาการปั่นป่วนด้วยพิษ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.พ.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงแรง ไม่ว่าจะเป็น Dow Jones และ S&P 500 Index ปรับตัวลงเฉลี่ย 4.42% ส่วน NASDAQ ลดลง 4.61% สาเหตุที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานแรงมากในช่วงนี้ ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นที่อื่น เพราะความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯมีมากขึ้น  และอาจนำไปสู่ระยะ 3 หลังจากพบผู้ติดเชื้อในรัฐแคลิฟอร์เนีย 33 ราย และมีผู้เข้่าข่ายต้องสังเกตอาการอีกกว่า 8,400 คน 


ดังนั้นหากไปดูการปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลกจากประเด็นกดดัน COVID-19 จะพบว่า ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก่อนใคร คือในเอเซียนั้น ปรับฐานแรงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและไทย เรียกได้ว่าได้ซึมซับปัจจัยลบไปแล้วนั้่นเอง แม้ว่าการดิ่งลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนจะยังเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย เพราะเศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยเฉพาะภาคการค้า ซึ่งไทยส่งออกไปสหรัฐฯ 12.7% ของการส่งออกรวม

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสหรัฐฯมีสัดส่วนคิดเป็น 3% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม ดังนั้นหากเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอ เศรษฐกิจไทยก็จะชะลอตัวตาม อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของตลาดหุ้น เป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นจึงปรับฐานไปรอล่วงหน้าแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงจำกัด 

 
 
 
 
นอกจากนี้เมื่อไปดูประเด็นความกังวลว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะเข้าสู่เฟส 3 พบว่าประเด็นดังกล่าวได้ส่งผ่านผลกระทบให้ตลาดหุ้นในหลายประเทศแล้ว เช่น จีน นับตั้งแต่ต้นปี ปรับลง 1.9% เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ปรับฐานแรง, ญี่ปุ่น ลบ 10%, อิตาลี 3%, เกาหลีใต้ 8.5% และไทย 11.7% ส่วนสหรัฐฯ ลบ 9.7% 

หากมอง Valuation ของตลาดหุ้นไทยขณะนี้ ภายใต้คาดการณ์ EPS ปี 2563 ที่ 86 บาทต่อหุ้น พบว่า ล่าสุดตลาดหุ้นไทยมีค่า Expected PER ปี 2563 เพียง 16.2 เท่า ถือว่าเป็นระดับที่ไม่แพง เพราะในอดีตช่วงที่ไม่มี Fund Flow หนุนตลาด มักซื้อขายกันที่ระดับ PER 16-16.5 เท่าอยู่แล้ว ขณะที่หุ้นไทยยังคาดหวังปันผลปี 2563 ได้สูงถึง 3.6% 
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะยังผันผวนจากประเด็น COVID-19 แต่ฝ่ายวิจัย ASPS เชื่อว่า หุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว เหมือนกับตลาดหุ้นจีน และเหมือนกับช่วงที่เคยเกิดวิกฤตครั้งต่างๆในอดีต 

 
 
 
ดังนั้นช่วงนี้ จึงเป็นโอกาสของการรอ รอจังหวะเข้าลงทุน เพื่อเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจและน่าเข้าสะสมในช่วงนี้ คือหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งที่ปรับฐานลงมาแรง ซึ่งฝ่ายวิจัยฯชอบหุ้น CPALL, CPF, AOT และหุ้นปันผล ชอบ INTUCH, MCS, PYLON, DIF

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ก.พ. 2563 เวลา : 14:23:17
25-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 เม.ย.67) บวก 1.72 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,362.82 จุด

2. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำยังคงทรงตัวในกรอบเช่นเดิมระหว่าง 2,290-2,330 เหรียญ

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 เม.ย.67) ลบ 42.77 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด บดบังผลประกอบการ บจ.แกร่ง

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 เม.ย.67) ร่วง 3.70 เหรียญ นักลงทุนคลายกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

5. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่งตต. 20% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 10%

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 37.00-37.25 บาท/ดอลลาร์

7. ทองเปิดตลาด (25 เม.ย. 67) ปรับขึ้น 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,300 บาท

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนึ้ (25 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 37.08 บาทต่อดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 เม.ย.67) ลบ 2.13 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,358.97 จุด

10. ตลาดหุ้นปิด (24 เม.ย.67) บวก 3.64 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.10 จุด

11. ประกาศ กปน.: 27 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 เม.ย.67) บวก 3.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,360.90 จุด

13. MTS Gold คาดว่าจะมีกรอบแนวรับที่ 2,260 เหรียญ และแนวต้านที่ 2,335 เหรียญ

14. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (23 เม.ย.67) ร่วง 4.30 เหรียญ คลายความกังวลตะวันออกกลาง-จับตาเงินเฟ้อและGDPสหรัฐ

15. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (23 เม.ย.67) พุ่งขึ้น 263.71 จุด ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่งเกินคาด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 2:56 pm