กองทุนรวม
ทิสโก้เวลธ์ชี้เป้า 3 ธุรกิจโตสวนตลาดรับอานิสงส์ 'วิถีใหม่ - 'เมกะเทรนด์'


ทิสโก้เวลธ์ชี้ธุรกิจกลุ่มอีคอมเมิร์ซ, ดิจิตอล เฮลธ์แคร์ และการศึกษาออนไลน์ ผลประกอบการโตเด่นสวนตลาดหุ้นทั่วโลก อานิสงส์ชีวิต ‘วิถีใหม่’ หรือ New Normal หลัง COVID -19 ระบาด และอนาคตยังโตต่อเนื่องเพราะเป็นธุรกิจในเมกะเทรนด์ของโลก  


นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ดังนั้น ผลประกอบการของบริษัททั่วโลกจึงได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 ลดลงถึง 7.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตาม ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจกลับพบว่ายังมี 3 กลุ่มธุรกิจภายใต้เมกะเทรนด์โลกมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือ กลุ่มอีคอมเมิร์ซ (E-commerce), ดิจิตอลเฮลธ์แคร์ (Digital Helthcare) และการศึกษาออนไลน์ (Edutainment) หนุนให้กองทุน ETF ที่เข้าไปลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

โดยในช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 กองทุน ETF ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างกองทุน  Amplify Online Retail ETF (IBUY:US) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 17.92% ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจดิจิตอล เฮลธ์แคร์อย่าง กองทุน Credit Suisse Lux Digital Health Equity (CSGDIBU:LX) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 18.87% และกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจการศึกษาออนไลน์อย่างกองทุน Credit Suisse Lux Edutainment Equity Fund (CRLEEIU:LX) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ -6.90% ขณะในช่วงเดียวกันกองทุน iShares MSCI All Country World ETF ซึ่งเป็นตัวแทนของภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลก มีผลการดำเนินงาน -14.52%

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ 3 กลุ่มธุรกิจข้างต้นเติบโตได้ดี แม้จะมีวิกฤตเศรษฐกิจนั้นมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม โดยกลุ่มที่ได้ผลเชิงบวกมากที่สุดคือ กลุ่มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากได้ประโยชน์จากมาตรการ Lockdown ที่หนุนให้ผู้บริโภคต้องสั่งซื้อสินค้า หรือใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน โดยตัวอย่างของบริษัทที่เติบโตอย่างโดดเด่น คือ บริษัท Netflix ที่ประกาศผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเติบโตกว่า 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และบริษัท Chegg ผู้ให้บริการ เช่า, ซื้อ-ขาย หนังสือเรียนออนไลน์ ที่รายได้ไตรมาส 1/2563 เติบโตถึง 35% YoY และมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 35% YoY 

ขณะที่กลุ่มดิจิตอล เฮลธ์แคร์ ก็ได้รับประโยชน์จากความต้องการนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เกิด COVID -19 แพร่ระบาด เช่น การพบแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้นำตลาดอย่างบริษัท Teledoc ประกาศว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีจำนวนผู้เข้าใช้บริการกว่า 2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นราว 92% จากปีก่อนหน้า และบริษัท Moderna ธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมไบโอเทคการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันกำลังทดลองวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ขั้นที่ 2 ในมนุษย์และมีแนวโน้มที่สามารถสร้างภูมิต้านทานเชื้อไวรัสได้ดี  กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มการศึกษาออนไลน์ ที่ได้รับผลบวกจากการที่ COVID-19 แพร่ระบาดส่งผลให้มีผู้ใช้บริการมากขึ้นจากเดิมที่ธุรกิจนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่สูงอยู่แล้ว เช่น บริษัท GSX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียนพิเศษออนไลน์ในประเทศจีน ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทเติบโตกว่า 300% 

“การที่รายได้ และกำไรรวมถึงราคาหุ้นของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, ดิจิตอล เฮลธ์แคร์ และการศึกษาออนไลน์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับธุรกิจอื่นๆ นั้น ไม่ได้เกินความคาดหมายของทิสโก้เวลธ์ เพราะเราได้เริ่มนำเสนอมุมมองการลงทุนดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยมองว่าธุรกิจในเมกะเทรนด์ของโลกจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว และผลประกอบการไม่ผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไรและรายได้ของธุรกิจเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของผู้บริโภค ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการพูดถึง ‘วิถีใหม่’ หรือ New Normal แต่ทิสโก้เวลธ์ก็ยังมองว่า ธุรกิจที่อยู่ในเมกะเทรนด์ของโลกก็ยังได้รับผลประโยชน์จากความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดิม” นายณัฐกฤติกล่าว   

บันทึกโดย : วันที่ : 26 พ.ค. 2563 เวลา : 12:07:08
08-05-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: ด่วน!!! คืนวันพรุ่งนี้ 9 พ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนเจริญกรุง

2. ตลาดหุ้นปิด (8 พ.ค.67) ลบ 3.04 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,373.33 จุด

3. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (8 พ.ค.67) บวก 1.10 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,377.47

4. MTS Gold คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,300 เหรียญ และแนวต้าน 2,325 เหรียญ

5. ทั่วไทยวันนี้ฝนฟ้าคะนอง "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคใต้" ฝนกระหน่ำ 60% ส่วนภาคอื่นๆ 40%

6. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (7 พ.ค.67) บวก 31.99 จุด รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยปีนี้-บอนด์ยีลด์ร่วง หนุนตลาด

7. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (7 พ.ค.67) ร่วง 7 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งฉุดตลาด

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (8 พ.ค.67) บวก 1.49 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,377.86 จุด

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.90-37.15 บาท/ดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาด (8 พ.ค. 67) ปรับขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 40,950 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (8 พ.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.97 บาทต่อดอลลาร์

12. ข่าวดี!!! พรุ่งนี้ น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ลด 50 สตางค์/ลิตร

13. ตลาดหุ้นปิด (7 พ.ค.67) บวก 6.45 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,376.37 จุด

14. ประกาศ กปน.: 14 พ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดพร้าว

15. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,300 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,340 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 8, 2024, 8:33 pm