หุ้นทอง
คิด-ตั้งสติสักนิด...ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล


สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ แบบไม่ต้องมีหลักประกันหรือผู้ค้ำประกัน สินเชื่อประเภทนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการรับเงินก้อน เพื่อนำไปใช้จ่ายตามความต้องการ หรือความจำเป็นของคุณ หรือผู้ขอสินเชื่อ เช่น นำไปชำระค่าเทอมลูก ใช้จ่ายในเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือใช้ในการประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลมีทั้งธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank)

 
มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคุณดุสิต จักรศิลป์ ขอขยายความต่อว่า โดยปกติผู้ให้สินเชื่อ จะพิจารณาอนุมัติให้กับบุคคลที่มีรายได้มั่นคง เช่น ข้าราชการ พนักงานประจำ ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ที่มีประวัติการเงินและการชำระหนี้ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี และมีความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ได้ตลอดสัญญา ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถอนุมัติวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลได้สูงสุดประมาณ 5 เท่าของรายได้

เช่น ถ้าคุณ หรือผู้ขอสินเชื่อมีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน คุณก็จะสามารถขอวงเงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลได้ไม่เกิน 100,000 บาท และกำหนดให้คิดอัตราดอกเบี้ยรวมกับค่าธรรมเนียมไม่เกิน 28% ต่อปี ด้วยวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก สามารถกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ได้ระหว่าง 12 - 60 เดือน
 
ในปัจจุบันผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล มักจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันตามวงเงินที่ขอกู้ โดยยิ่งวงเงินกู้เพิ่มสูงมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยก็จะลดลง

ตัวอย่างเช่น วงเงินกู้ไม่เกิน 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 28% ต่อปี วงเงินกู้ระหว่าง 150,000 - 400,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 26% ต่อปี และวงเงินกู้สูงกว่า 400,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 23% ต่อปี
 
ดังนั้นคุณ หรือผู้ขอสินเชื่อ จึงไม่ควรมองว่า ควรขอกู้ในวงเงินที่สูงเพื่อที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แต่ควรขอกู้ในวงเงินตามความจำเป็นเท่านั้น ไม่ควรขอเกินความจำเป็น เพื่อนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว

นอกจากนี้ จำนวนเงินผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 35% ของรายได้ประจำ เช่น ผู้ขอสินเชื่อมีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน ควรมียอดผ่อนชำระหนี้ไม่เกินเดือนละ 7,000 บาท เพื่อให้ยังคงมีเงินเหลือใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างไม่ลำบาก
 
ที่สำคัญ คุณควรเลือกผ่อนชำระหนี้ในระยะเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามความสามารถในการชำระหนี้ เนื่องจากยิ่งระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ยาวนานมากเท่าใด ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น วงเงินขอกู้ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมไม่เกิน 28% ต่อปี สามารถเปรียบเทียบจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระหนี้ต่อเดือน ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่าย และรายได้ขั้นต่ำที่เหมาะสมของผู้ขอสินเชื่อ จำแนกตามระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ ดังนี้
 
ตารางข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง ระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ เพื่อให้เห็นว่ายิ่งระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานเท่าใด ดอกเบี้ยจ่ายก็จะมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นก่อนที่คุณจะขอสินเชื่อส่วนบุคคล คุณสามารถสอบถามการคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนชำระได้จากเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ
 
สำหรับข้อมูลข้างต้นอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่า ผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้มีหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระกับสถาบันการเงินแห่งอื่น ดังนั้น หากผู้ขอสินเชื่อมีหนี้สินมาก่อนหน้านี้จะทำให้วงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลที่ได้รับอนุมัติลดลงตามไปด้วย
 
โดยหากพิจารณาแล้วว่า มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนและมีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ สามารถไปยื่นคำขอสินเชื่อได้ที่ธนาคาร หรือสาขาธนาคารในห้างสรรพสินค้า

นอกจากนี้ ยังสามารถยื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของธนาคารหรือผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล พร้อมเตรียมหลักฐานสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ต้องการให้โอนเงินกู้เข้าบัญชี หลักฐานแสดงที่มาของรายได้ กรณีมีรายได้จากเงินเดือนประจำให้เตรียมสลิปเงินเดือนฉบับล่าสุด หนังสือรับรองการทำงาน สำเนาสมุดบัญชีที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 3 เดือน

และกรณีเจ้าของธุรกิจให้เตรียมหลักฐานใบทะเบียนการค้า สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน โดยปกติระยะเวลาอนุมัติสินเชื่อจะอยู่ระหว่าง 2 - 15 วันทำการ นับจากวันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน
 
อาจจะมีคำถามตามมาว่า สินเชื่อส่วนบุคคลต่างจากบัตรกดเงินสดอย่างไร “สินเชื่อบัตรกดเงินสด” เป็นบริการด้านสินเชื่อที่มีความแตกต่างจากสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวคือ สินเชื่อส่วนบุคคลเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ผู้ขอสินเชื่อจะได้รับเงินก้อนโอนเข้าบัญชีทันที หลังจากนั้นผู้กู้จะต้องผ่อนชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยทุกเดือนจนกว่าจะครบกำหนด หากผู้กู้มีเงินมากพอก็สามารถขอปิดสัญญาก่อนครบกำหนดได้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย แต่หากต้องการเงินกู้เพิ่มเติมจะต้องไปยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลฉบับใหม่
 
ในขณะที่สินเชื่อบัตรกดเงินสดเมื่อได้รับอนุมัติวงเงิน เจ้าของบัตรกดเงินสดจะสามารถกดเงินมาใช้จ่ายจำนวนเท่าใดก็ได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่จำนวนเงินรวมที่กดออกมาใช้จะต้องไม่เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกรายวัน ส่วนการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ย มักจะกำหนดให้ชำระได้ไม่ต่ำกว่า 5% ของยอดที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน
 
 
ดังนั้น หากมีการชำระคืนเงินกู้มาก ในเดือนถัดไปก็สามารถกดเงินสดออกมาใช้จ่ายได้อีก ตราบเท่าที่ไม่เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ จะเห็นได้ว่าบัตรกดเงินสดจะเหมาะกับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวที่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียน มีรายรับ - รายจ่ายเป็นประจำทุกวัน และเหมาะกับผู้ที่มีวินัยทางการเงินสูงโดยจะใช้บัตรกดเงินสดเมื่อจำเป็นเท่านั้น
 
กลับมาที่ ข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคล คือ เป็นแหล่งเงินกู้ฉุกเฉินที่ไม่ต้องมีหลักประกันหรือผู้ค้ำประกัน อนุมัติไว สามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระคืนได้ระหว่าง 12 - 60 เดือน อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ
 
แต่ข้อเสีย คือ มีการจำกัดรายได้ขั้นต่ำของผู้ขอสินเชื่อ ทำให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ขาดโอกาสในการขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคล และหากมีการผิดนัดชำระหนี้จะมีค่าปรับและค่าติดตามชำระหนี้ค่อนข้างสูง

ดังนั้น หากคุณและผู้ขอสินเชื่อไม่มีวินัยและการวางแผนการเงินที่ดี อาจผิดชำระหนี้จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้
 
ดังนั้น ก่อนที่จะไปขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคลให้คิดทบทวนและถามตัวเองให้แน่ใจว่า จำเป็นต้องกู้หรือไม่ ตอนนี้มีรายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือนเท่าไหร่ หากมีภาระที่ต้องผ่อนชำระหนี้เป็นประจำทุกเดือนเพิ่มขึ้นมา จะส่งผลเสียต่อการใช้จ่ายเงินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันหรือไม่
 
แต่หากมั่นใจแล้วว่า เงินก้อนจากสินเชื่อส่วนบุคคล จะช่วยให้ชีวิตฝ่าวิกฤติที่ต้องเผชิญอยู่ไปได้ และไม่ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต ให้เลือกกู้จากแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด ซึ่งบางครั้งอาจมีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษในช่วงนั้น โดยเตรียมหลักฐานให้พร้อมสมบูรณ์เพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อทำได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญต้องไม่ลืมตระหนักว่า “ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ” คิดให้ดีก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล

บันทึกโดย : วันที่ : 27 พ.ค. 2563 เวลา : 15:27:41
25-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (24 เม.ย.67) บวก 3.64 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.10 จุด

2. ประกาศ กปน.: 27 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 เม.ย.67) บวก 3.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,360.90 จุด

4. MTS Gold คาดว่าจะมีกรอบแนวรับที่ 2,260 เหรียญ และแนวต้านที่ 2,335 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (23 เม.ย.67) ร่วง 4.30 เหรียญ คลายความกังวลตะวันออกกลาง-จับตาเงินเฟ้อและGDPสหรัฐ

6. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (23 เม.ย.67) พุ่งขึ้น 263.71 จุด ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่งเกินคาด

7. ทั่วไทยมีฝนฟ้าคะนอง ภาคเหนือ 30% ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 20% ภาคใต้ ฝั่ง ตอ.10% กรุงเทพปริมณฑล ฝนเล็กน้อยบางแห่ง

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.80-37.05 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (24 เม.ย.67) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 36.93 บาทต่อดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาด (24 เม.ย. 67) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 40,950 บาท

11. ตลาดหุ้นไทยเปิด (24 เม.ย.67) บวก 7.26 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,364.72 จุด

12. ประกาศ กปน.: 25 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านตะวันตก)

13. ประกาศ กปน.: 25 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนประชาร่วมใจ

14. ตลาดหุ้นปิด (23 เม.ย.67) บวก 7.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,357.46 จุด

15. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (23 เม.ย.67) บวก 11.57 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.09 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 6:38 am