หุ้นทอง
5 เรื่องที่นักลงทุนต้องระวัง จังหวะตลาดหุ้นขาลง


5 เรื่องที่นักลงทุนต้องระวังจังหวะตลาดหุ้นขาลง


ทุกวันนี้ เราจะพบว่ามีนักลงทุนที่ยึดติดกับราคาหุ้นที่ขึ้นๆ ลงๆ ทำให้มีการเปลี่ยนแผนการลงทุนระหว่างทาง และเวลาหุ้นตกจะมี Emotion เยอะ ทำให้การตัดสินใจไม่ค่อยตรงเวลาหุ้นตก คือ เรื่องที่รู้สึกว่าราคาปรับลดลงมาเดี๋ยวก็ปรับขึ้น และมักจะซื้อถัว
 

มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ และคุณนภดล นิมมานพิภักดิ์ ขอให้คำแนะนำ คือ อย่าพยายามเฉลี่ยต้นทุนโดยเพิ่มการลงทุน ถ้าการลงทุนอันไหนที่ไม่ดี ก็ไม่ควรจะเติมเงินเข้าไป กลยุทธ์ที่สำคัญ นักลงทุนต้องยึดติดกับแผนการลงทุน
 
จากประสบการณ์ที่เคยเป็นคนเทรดเอง และได้อยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นสดใสสุดๆ (Peak) จนถึงวันที่ลงมาหนักมากตอนช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 สิ่งที่เห็นและทำให้ได้เรียนรู้ คือ ในช่วงที่ตลาดเกิดวิกฤติ ควรที่จะต้องระมัดระวังอะไรบ้าง รวมไปถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งมีทั้งหมด 5 ประการ ดังนี้
 
1. การยึดติดกับหุ้นบางตัว ซึ่งทำให้นักลงทุนมักจะมี Positive Bias ในหุ้นนั้นๆ เช่นรู้สึกว่ามีดวงกับหุ้นตัวนี้จนนำไปสู่ข้อผิดพลาดอื่นๆ เช่น ไม่ยอมขายตัดขาดทุน หรือไม่นำข้อมูลใหม่ๆ มาช่วยตัดสินใจในการลงทุน เป็นต้น
 
2. การยึดติดกับราคา เช่น ยึดราคาต้นทุนของตนเป็น Factor หลักในการพิจารณา โดยลืมตระหนักว่าในความเป็นจริงแล้วหุ้นมีการซื้อขายอยู่ตลอดเวลา และตลาดไม่รู้ต้นทุนของนักลงทุนแต่ละคน นักลงทุนมักจะคิดว่าถ้าหุ้นขึ้นมาที่ราคาเดิมแล้วจะขาย กล่าวคือ ไม่ยอมขายขาดทุน แต่ไม่ได้มองว่าราคาหุ้นที่ตัวเองซื้อไม่ได้มีความหมายใดๆ กับตลาดเลย เพราะฉะนั้นแล้วทำไมราคาหุ้นถึงจะวิ่งขึ้นมาที่ราคาที่ซื้อ
 
3. การไม่ทำตามแผนการลงทุนที่วางไว้ก่อนการลงทุน เช่น ก่อนลงทุนใช้หลักการ Market Timing โดยมีการกำหนดราคาที่จะตัดขาดทุน (Cut Loss) แต่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงไปถึงระดับที่จะต้องตัดขาดทุน นักลงทุนกลับไม่ทำตามแผน และหาเหตุผลในการที่จะถือต่อ

เพราะฉะนั้นเมื่อตลาดเกิดวิกฤติ หรือราคาหุ้นไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ นักลงทุนควรทำตามแผนที่วางไว้ในตอนแรก โดยไม่มีอารมณ์ (Emotion) เข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง ต้องมองให้เห็นถึงความต่างระหว่างคำว่า “ตายตัว/ไม่ยืดหยุ่น (Too Rigid)” กับคำว่า “วินัย (Discipline)”

เพราะในความเป็นจริงตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (Dynamic) จึงต้องมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลที่เปลี่ยนไปอาจทำให้แผนการลงทุนเปลี่ยนได้ หรืออาจส่งผลกระทบต่อสิ่งที่วิเคราะห์ในตอนแรกได้ แต่หากไม่มั่นใจก็ควรจะยึดกับแผนการลงทุนโดยที่ไม่ลืมเอาข้อมูลใหม่ๆ เข้ามาประกอบการวิเคราะห์ด้วย
 
4. การซื้อเฉลี่ยเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก นักลงทุนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าเดี๋ยวราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วมุมมองนี้สามารถใช้ได้บนการวางแผนที่ดีและถูกต้อง กล่าวคือ ซื้อในทิศทางที่ดี และเป็นไปตามคาด แต่หากไม่เป็นไปตามคาดแล้วทำการซื้อเฉลี่ยจะเป็นอันตรายต่อการลงทุน เพราะสิ่งทีเห็นมาเสมอคือ เมื่อตลาดแย่ก็มีโอกาสที่จะผิด ไม่มีใครสามารถถูกได้ตลอด ดังนั้น อย่าพยายามเฉลี่ยต้นทุนโดยเพิ่มการลงทุน ถ้าการลงทุนอันไหนที่ไม่ดี ก็ไม่ควรที่จะเติมเงินเข้าไป
 
5. เรื่องการทำการบ้านก่อนการลงทุน นักลงทุนควรใช้เวลาทำการบ้านในการศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ระมัดระวังเรื่องความถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงการเปิดรับข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงมากห้ามคิดว่าราคาลงไปต่ำขนาดนี้แล้วคงไม่ลงอีก เพราะหลายๆ บริษัทในช่วงวิกฤติ ราคาหุ้นอาจปรับลดต่ำลงไปจนถึงล้มละลายได้ สิ่งที่ต้องทำให้มาก คือ หมั่นหาข้อมูลใหม่ๆ ให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่มียังเป็นเช่นนั้นอยู่ จะทำให้นักลงทุนสามารถมีวินัยและทำตามแผนที่วางไว้ได้
 
นอกจากสิ่งที่นักลงทุนควรจะต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงในช่วงตลาดขาลงแล้ว การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ที่ดีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ โดยมีการพิสูจน์มาแล้วว่าสำหรับการลงทุนระยะยาว
 
การจัดพอร์ตการลงทุนที่ดีนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการเลือกถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หรือซื้อขายหุ้นเข้าๆ ออกๆ แม้แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤติยังสามารถยึดการจัดพอร์ตแบบ Asset allocation ได้ เพียงแต่ปรับสัดส่วนให้พอร์ตมีความเสี่ยงน้อยลง
 
ตัวอย่างการจัดสรรสินทรัพย์ที่นักลงทุนนิยมใช้กันทั่วไป และพิสูจน์แล้วว่าได้ผล ก็คือ การลงทุนแบบ Dollar Cost Average (DCA) หรือการกำหนดการลงทุนเป็นงวดๆ ด้วยจำนวนเงินครั้งละเท่าๆ กัน ทั้งนี้อาจลงทุนเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส โดยไม่สนใจว่าราคาหุ้นที่ซื้อ ณ ตอนนั้นเป็นราคาเท่าไหร่ ซึ่งวิธีนี้ทำให้นักลงทุนสามารถทำตามแผนได้อย่างมีวินัย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ก.ย. 2563 เวลา : 08:43:55
20-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. พรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ราคาน้ำมันดีเซล ปรับขึ้น 50 สต./ลิตร ตามมติ กบน. มีผลเที่ยงคืนนี้

2. ตลาดหุ้นปิด (19 เม.ย.67) ลบ 28.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,332.08 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 เม.ย.67) ลบ 25.09 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,335.93 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

5. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

6. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

7. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

10. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

13. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

15. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:09 am