กองทุนรวม
หลักทรัพย์บัวหลวง คาดหุ้นไทยระยะสั้น ''ซิกแซกซึมลง'' แนะลงทุน 6 กลุ่มกำไรฟื้นตัวเร็วในไตรมาส 3 ปี 63


หลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินตลาดหุ้นไทยระยะสั้น “ซิกแซกและซึมลง” มองแนวรับและแนวต้าน 1,250 จุด และ 1,310 จุด ตามลำดับ หลังไม่มีปัจจัยบวกใหม่สนับสนุน พร้อมให้กรอบตลาดหุ้นไทย 3 เดือนสุดท้ายของปี 1,250 - 1,380 จุด หากกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ปี 63 ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามคาด 44% จากไตรมาส 2 ชู “6 กลุ่มเด่น” รับอานิสงส์กำไรฟื้นตัวเร็วในไตรมาส 3 ปี 63


นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยระยะสั้นช่วงกลางเดือนก.ย.ถึงสิ้นเดือนต.ค.63 ว่า ดัชนีอาจอยู่ในลักษณะซิกแซกและซึมลง โดยมองแนวรับและแนวต้านระดับ 1,250 จุด และ 1,310 จุด ตามลำดับ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน การลงทุน ขณะที่การพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด -19 อาจต้องใช้เวลานานกว่าคาด และนักลงทุนยังคงรอดูรายชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ รวมถึงมาตรการเพิ่มเติมรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ล่าช้า  ทำให้การฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมอาจถูกยืดเวลาออกไป ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำถือหุ้นไม่เกิน 70% และหากดัชนีหลุด 1,300 จุด ให้หาจังหวะซื้อเพิ่มแถว 1,250 จุด

ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ 1.การลงทุนต่อเนื่องของภาครัฐ 2.การรักษาเสถียรภาพการเงินและวินัยการคลังของรัฐบาล 3.การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ในเดือนพ.ย.63 หาก “นายโจ ไบเดน” ชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้นำ  คนใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อ Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะนโยบายการขึ้นภาษีนิติบุคคลจะกระทบด้านลบต่อกำไร  บริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ แต่อาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก จากความคาดหวังการผ่อนคลายนโยบายกีดกันด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯต่อประเทศทั่วโลก และ 4.ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีสำหรับปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยเพียงระยะสั้นเท่านั้น

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 มองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,250 - 1,380 จุด          โดยคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 อาจเติบโตประมาณ 44% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563  ที่ได้รับผลกระทบหนักจากการล็อกดาวน์ประเทศ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2562 อาจปรับตัวลดลงประมาณ 28% เนื่องจากฐานปีก่อนอยู่ระดับสูง อย่างไรก็ดีแม้กำไรไตรมาส 3 ปี 2563 ของบริษัทจดทะเบียนจะพลิกตัวดีขึ้น แต่คงไม่ใช่ ปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้น เพราะอัพไซด์เริ่มจำกัด โดยดัชนีกรอบบนอยู่ระดับ 1,380 จุด บนคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน ปี 2564 ที่อยู่ประมาณ 77 บาทต่อหุ้น เทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด -19 ที่มีกำไรระดับ 86 บาทต่อหุ้น

“ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นเอเชีย (Underperform) หลังนักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นไทยต่อเนื่อง เพราะมองว่ากว่าส่งออกของไทยจะฟื้นตัวอาจต้องใช้เวลาถึงปี 2564 ขณะเดียวกันยังต้องติดตามว่าภูเก็ตโมเดลจะสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวเมืองไทยในช่วงปลายปีนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ดีเป้าหมายดัชนีปี 2564 เรามองระดับ 1,450 จุด” นายชัยพร กล่าว  

นายชัยพร กล่าวถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ว่า นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปในหลากหลายสินทรัพย์ ในส่วนการลงทุนในหุ้นนั้นแนะลงทุนตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ สัดส่วน 80% และ 20% ตามลำดับ สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแนะลงทุนกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรฟื้นตัวได้เร็วในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 คือ 1.กลุ่มอาหาร   หุ้นเด่นประจำกลุ่ม คือ หุ้น CPF หลังได้รับปัจจัยบวกจากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่ากำไรไตรมาส 3 ปี 2563 อาจเติบโตประมาณ 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตประมาณ 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

กลุ่มเครื่องดื่ม หลังได้รับปัจจัยหนุนจากการออกสินค้าใหม่ในช่วงปลายปี โดยแนะลงทุนในหุ้น OSP เพราะคาดว่ากำไรอาจเติบโตประมาณ 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 16% จากไตรมาสก่อนหน้า 3.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งหุ้นเด่นของกลุ่ม คือ หุ้น SCC คาดว่ากำไรอาจเติบโตประมาณ 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตประมาณ 10% จากไตรมาสก่อนหน้า 4.กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำหุ้น DELTA คาดกำไรอาจเติบโตประมาณ 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงราว 4% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า

5.กลุ่มคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ แนะนำหุ้น SAWAD คาดกำไรจะเติบโต 14% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และขยายตัว 10% จากไตรมาส 2 ปี 2563 และ หุ้น MTC คาดกำไรจะเติบโตประมาณ 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน    แต่จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 6.กลุ่มประกัน แนะนำหุ้น TQM คาดกำไรอาจเติบโตประมาณ 38%    เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 8% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดีกลุ่มที่กำไรอาจฟื้นตัวได้ช้า  คือ กลุ่มสื่อ, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มยานยนต์

“การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างกระแสเงินสดได้ดีในช่วงนี้ ฉะนั้นยังคงแนะนำลงทุนในสัดส่วนประมาณ 10-15% จากเงินลงทุนทั้งหมด เน้นกองทุนรวมประเภทศูนย์การค้า เพราะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น         ในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่วนนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย แนะลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ (TFFIF) ที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 3% ต่อปี, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 5.5-5.8% ต่อปี และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 9% ต่อปี” นายชัยพร กล่าว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ก.ย. 2563 เวลา : 10:59:26
20-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. พรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ราคาน้ำมันดีเซล ปรับขึ้น 50 สต./ลิตร ตามมติ กบน. มีผลเที่ยงคืนนี้

2. ตลาดหุ้นปิด (19 เม.ย.67) ลบ 28.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,332.08 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 เม.ย.67) ลบ 25.09 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,335.93 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

5. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

6. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

7. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

10. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

13. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

15. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 10:57 pm