เอสเอ็มอี
SME-PO การระดมทุนทางเลือกใหม่ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ SME ไทย เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด


เป็นที่ทราบกันดีว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) เป็นส่วนสำคัญหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SME กว่า 3 ล้านราย สร้างการจ้างงานทั่วประเทศมากกว่า 12 ล้านคน ทำให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อทุกภาคส่วนของประเทศ ขณะเดียวกันอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโต นั่นก็คือ “ตลาดทุน” ซึ่งเป็นทั้งแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบกิจการ และเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนอีกด้วย


 

แม้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ตลาดทุนจะเป็นแหล่งเงินระดมทุนให้แก่ผู้ประกอบกิจการขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด แต่ในช่วงกลางปี 2562 เป็นต้นมา ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุน ได้ริเริ่มนโยบายที่จะทำให้ตลาดทุนเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม (Capital Market for All) ไม่ว่าจะเป็น “บริษัทจำกัด” หรือ “บริษัทมหาชนจำกัด” ตลอดจน “SME/Startup” และ “วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)” ตลาดทุนจึงเปิดกว้างให้ผู้ประกอบกิจการทุกขนาดสามารถเข้ามาระดมเงินทุนเพื่อใช้สำหรับกิจการของตนเองได้ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นผลต่อเนื่องถึงข้อจำกัดในการขยายธุรกิจของกิจการ SME/Startup ในไทยให้อยู่รอดและเติบโตได้ โดยในปี 2563 ก.ล.ต. ได้มีการออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุน ทั้งการระดมทุน* ผ่านระบบออนไลน์ในรูปแบบของ 1) หุ้นคราวด์ฟันดิง (Equity Crowdfunding) หรือ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Debt Crowdfunding) หรือ 2) ด้วยการออกหุ้นหรือหุ้นกู้แปลงสภาพ เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนในวงจำกัด (Private Placement)

เพื่อให้การดำเนินการสนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และตลาดทุนเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับกิจการทุกประเภทและทุกขนาด โดย ก.ล.ต. ทราบว่า เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ยังมีอุปสรรคโดยไม่สามารถระดมทุนจากผู้ลงทุนเป็นวงกว้างและไม่สามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองได้ ซึ่ง ก.ล.ต. เล็งเห็นความจำเป็นของการระดมทุนในวงกว้างว่าเปรียบเสมือนบันไดก้าวต่อไปในการพัฒนากิจการของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปี 2562 ก.ล.ต. จึงเร่งดำเนินการศึกษาช่องทางการระดมทุนเป็นวงกว้างสำหรับ เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ (SME-PO) ไปพร้อมกัน ซึ่งต่อมา ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ได้มีข้อสรุปร่วมกันในเรื่องหลักการการออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนจากผู้ลงทุนเป็นวงกว้างและนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดรองหรือ LiVE Exchange ได้เป็นครั้งแรก (SME-PO) ซึ่งคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 และต่อมา ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป และปิดรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งภาคเอกชนเห็นด้วยกับแนวทางตามที่ ก.ล.ต. เสนอ  

SME ขนาดกลางขึ้นไปที่มีผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 15 คน และเป็น “บริษัทมหาชนจำกัด” ซึ่งมีทิศทางการประกอบธุรกิจที่ชัดเจน มีความต้องการหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการให้เติบโตไปอีกลำดับหนึ่ง แต่ผลการดำเนินงานยังมีความไม่แน่นอน จะสามารถระดมทุนในวงกว้าง หรือ “Public Offering” (SME-PO) โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก ก.ล.ต. แต่จะต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ เป็นการระดมทุนจากผู้ลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุน มีฐานะทางการเงินและมีประสบการณ์การลงทุนในระดับหนึ่ง หรือคนที่มีความคุ้นเคยกับกิจการ เมื่อระดมทุนสำเร็จแล้ว สามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรอง หรือ SME Board ที่เรียกว่า “LiVE Exchange” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ และเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หรือ mai ในอนาคต

หัวใจสำคัญของการระดมทุนในรูปแบบ SME-PO และ SME Board เป็นการเพิ่มทางเลือกในการเสริมสภาพคล่องและการเติบโตของกิจการ SME ขนาดกลาง จึงผ่อนปรนการกำกับดูแลเพื่อไม่สร้างภาระและต้นทุนต่อกิจการมากจนเกินไป เช่น ให้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเท่าที่จำเป็น ใช้ผู้สอบบัญชีในสำนักงานสอบบัญชีที่ผ่านการตรวจคุณภาพจาก ก.ล.ต. (ผู้สอบบัญชี SME) ไม่กำหนดให้มีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในการจัดทำข้อมูล รวมถึงการผ่อนปรนในด้านการเปิดเผยข้อมูลอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะและขนาดของกิจการ SME/Startup และเนื่องจากความเสี่ยงของ SME ที่สูงกว่ากิจการขนาดใหญ่ ดังนั้น จึงเป็นที่มาของคุณสมบัติของผู้ลงทุนตามที่กล่าวข้างต้น ในขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ยังคงไว้ซึ่งในหลักการในการความคุ้มครองผู้ลงทุนกรณีที่จะมาลงทุนใน SME/Startup เช่นกัน ทั้งนี้ คาดว่า เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ จะสามารถระดมทุนเป็นวงกว้างต่อผู้ลงทุนที่มีลักษณะตามที่กำหนดได้ภายในปี 2564 หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปี 2565 และระหว่างนี้ ก.ล.ต. จะดำเนินการสื่อสารกับเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องหลักเกณฑ์และเตรียมความพร้อมสำหรับการระดมทุนรูปแบบใหม่ต่อไป
 
ก.ล.ต. ตระหนักถึงความสำคัญของ SME/Startup ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาของประเทศ จึงได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุน SME/Startup ให้เข้าสู่ตลาดทุนเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกและเป็นเรื่องเร่งด่วนในแผนพัฒนาตลาดทุน ดังจะเห็นได้ว่า ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี ก.ล.ต. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนและส่งเสริม SME/Startup ในหลายด้านและผลักดันเรื่องนี้ให้ความคืบหน้ามาโดยตลอด เพื่อให้ SME/Startup สามารถเข้าสู่ตลาดทุนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวก็เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนว่าทำให้มี SME/Startup เข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุนเพิ่มมาขึ้น และหวังว่าการระดมทุนในตลาดทุนของ SME/Startup จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีสอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายของภาครัฐ

ประตูสู่ตลาดทุนในปัจจุบันนี้ได้เปิดกว้างมากขึ้น และเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบกิจการทุกขนาดสามารถเข้าหาแหล่งเงินทุนจากตลาดทุนได้ ด้วยตัวเลือกและช่องทางที่เหมาะสมกับกิจการของตนเอง และต่อยอดเป้าหมายในการประกอบธุรกิจให้พัฒนาไปในแบบที่คาดหวังไว้ได้ ซึ่งทุกย่างก้าวของการเติบโตของกิจการ SME/Startup หมายถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน ผู้ประกอบกิจการ SME/Startup ที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหนอย่างไร สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการระดมทุนเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  www.sec.or.th/starttogrow   หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207

 “เพราะตลาดทุนไทย เป็นตลาดทุนของคนทุกคน”

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ก.ย. 2564 เวลา : 17:19:14
18-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

2. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

3. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ร่วง 19.40 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย

4. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ลบ 45.66 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-ผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

5. ทองเปิดตลาด (18 เม.ย. 67) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,800 บาท

6. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 เม.ย.67) บวก 5.7 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,372.01 จุด

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนึ้ (18 เม.ย.67) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 36.78 บาทต่อดอลลาร์

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.65-36.95 บาท/ดอลลาร์

9. พรุ่งนี้ (18 เม.ย. 67) ราคาน้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สต./ลิตร

10. ตลาดหุ้นปิด (17 เม.ย.67) ลบ 29.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,366.94 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า(17 เม.ย.67) ลบ 30.34 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,366.04 จุด

12. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,365 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,400 เหรียญ

13. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์

14. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (16 เม.ย.67) พุ่ง 24.80 เหรียญ นักลงทุนแห่ซื้อทองสินทรัพย์ปลอดภัย

15. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (16 เม.ย.67) บวก 63.86 จุด ประธานเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยสูง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 2:27 pm