เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ลงทุนฝ่าวิกฤติอย่างไร ให้ง่าย-ได้ผล


เมื่อเกิดวิกฤติหรือภาวะสงคราม ดัชนีหุ้นและราคาหุ้นมีแนวโน้มสูงมากที่จะปรับลดลง โดยจากสถิติที่ผ่านมา พบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นระหว่างเกิดวิกฤติจะติดลบ และอาจทำให้นักลงทุนตัดสินใจขายเพื่อลดความเสี่ยง แต่เมื่อปัญหาคลี่คลายลง การลงทุน “หุ้น” จะสามารถฟื้นกลับมาสร้างผลตอบแทนให้ได้เสมอ โดยยิ่งลงทุนระยะยาว ยิ่งมีโอกาสเห็นผลตอบแทนที่น่าประทับใจ


พงษ์ธร ถาวรธนากุล, CFA ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lief Capital Asset Management บอกว่า สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนต้องพยายามทำและหาคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองให้ได้ คือ วิกฤติในแต่ละครั้งจะส่งผลกระทบต่อภาพการลงทุนระยะยาวแค่ไหน และควรทำอย่างไรเมื่ออยู่ในภาวะที่มีแต่ข่าวร้ายและความกังวล
 
แน่นอนว่า ทุกวิกฤติมีความแตกต่างกัน ทั้งสาเหตุ ผลลัพธ์ และบริบทในช่วงเวลานั้น ๆ หมายความว่า นักลงทุนไม่อาจหาสูตรสำเร็จที่จะสามารถรับมือได้ทุกวิกฤติ แต่สิ่งที่ทุกวิกฤติมีร่วมกันเสมอ คือ ไม่ว่าสถานการณ์จะดูเลวร้ายแทบไม่มีทางออก แต่สุดท้ายแล้วเมื่อปัญหาคลี่คลายลง การลงทุน “หุ้น” จะสามารถฟื้นกลับมาสร้างผลตอบแทนให้ได้เสมอ
 
จากข้อมูลสถิติย้อนหลังโดย Goldman Sachs AM พบว่า วิกฤติความขัดแย้ง 8 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซีย เหตุการณ์ 9/11 หรือแม้แต่การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ผลตอบแทนหุ้นระหว่างเกิดเหตุการณ์ให้ผล “ติดลบ ขาดทุนเป็นส่วนใหญ่” แต่หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 เดือน ผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา (รวมถึงตลาดหุ้นไทย) เฉลี่ยแล้วผลตอบแทนเป็นบวกกลับมาได้เสมอ

เพียง 3 เดือนหลังเกิดเหตุการณ์อาจเป็นระยะเวลาสั้นเกินไป หากนักลงทุนสามารถถือหุ้นต่อไปได้นานขึ้น เช่น 1 ปี ผลตอบแทนที่คาดหวังได้จะสูงขึ้น และหากถือได้นานถึง 5 ปี ผลตอบแทนยิ่งน่าประทับใจและไม่ขาดทุนเลย โดยข้อมูลจาก Schroders ช่วยยืนยันว่าแม้ในช่วงของวิกฤติ เช่น วิกฤติซับไพร์ม (Subprime) ปี 2551 มีแรงเทขายอย่างหนัก (Panic Sell) ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงอย่างรุนแรงถึง -9.0% ในวันเดียว แต่หลังจากนั้น 5 ปีก็สามารถฟื้นและเติบโตได้ถึง 109% คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 16% ต่อปี ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว
 

 
คำถามตามมา คือ จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่คือจุดที่วิกฤติจบแล้ว (เพื่อเตรียมลงทุน) จากอดีตที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ได้แน่ชัด และการจับจังหวะเพื่อเข้าลงทุนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ยิ่งในภาวะวิกฤติแต่ละครั้งมีความแตกต่างกัน

ดังนั้น คำแนะนำที่น่าสนใจและเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลและง่ายวิธีหนึ่งหากไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเกิดความขัดแย้ง และไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะจบลงเมื่อไหร่ คือ ถือลงทุน (Stay Invested) ให้ข้ามผ่านความผันผวนหรือผ่านวิกฤติ เพื่อรอโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าประทับใจ
 
ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในดัชนี S&P 500 เมื่อลงทุนในระยะเวลาที่แตกต่างกัน (ปี 2512 – 2564)

ที่มา : Schroders
 
หากพิจารณาข้อมูลในอดีตตั้งแต่ปี 2512 (ค.ศ. 1969) ของดัชนี S&P 500 พบว่า การลงทุนเพียง 1 วัน (ซื้อวันนี้ ขายพรุ่งนี้) โอกาสที่จะได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 54% ซึ่งไม่ต่างกับการโยนเหรียญหัวก้อยมากนัก แต่หากถือลงทุนได้นานขึ้น โอกาสได้กำไรจากตลาดหุ้นจะค่อย ๆ สูงขึ้นตามลำดับ เช่น ถ้าซื้อวันนี้และถือผ่านวิกฤติต่าง ๆ ได้ถึง 10 ปี โอกาสได้กำไรจะสูงถึง 95% และถ้าถือได้ถึง 15 ปี จะไม่มีขาดทุน ซึ่งกำไรในแต่ละช่วงอาจมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาวะการลงทุนในช่วงนั้น ๆ ด้วย
 
 
 
กล่าวโดยสรุป เป็นเรื่องที่น่าสนใจพอสมควรที่นักลงทุนจะรู้สึกกังวล ไม่แน่ใจ ถอดใจกับการลงทุนในช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นในอดีตและกำลังเกิดขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพราะจากข้อมูลสถิติในอดีต ถึงแม้การลงทุนจะไม่เห็นผลในทันที แต่อย่างน้อยน่าจะช่วยลดความกังวลและสามารถถือลงทุนจนผ่านวิกฤติหรือความผันผวนไปได้
 
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 พ.ค. 2565 เวลา : 17:06:36
04-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 19 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

2. ตลาดหุ้นปิด (3 ก.ค.68) บวก 11.52 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.21 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ก.ค.68) บวก 3.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.36 จุด

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (3 ก.ค.68) ภาคตะวันออก ฝนตกหนัก 80% กรุงเทพปริมณฑล และภาคอื่น 70% เว้นภาคใต้ 60%

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) ลบ 10.52 จุด กังวลจ้างงานภาคเอกชนลดลง

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) บวก 9.90 เหรียญ จ้างงานชะลอตัวหนุนเฟดลดดอกเบี้ย

7. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,315 เหรียญ และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 3,370 เหรียญ

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (3 ก.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (3 ก.ค. 68) ปรับลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,050 บาท

11. ตลาดหุ้นเปิดวันนี้ (3 ก.ค.68) ลบ 0.39 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,115.30 จุด

12. ตลาดหุ้นปิด (2 ก.ค.68) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,115.69 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ก.ค.68) ลบ 4.59 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,105.42 จุด

14. MTS Gold คาดราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,400 บาท/บาททองคำ

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (2 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคอีสาน-ภาคตะวันออก 80% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง 70% ภาคใต้ 60%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 4, 2025, 7:57 am