แม้ในภาพรวมตลาดยังคงถูกกดดันจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางในการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม SET คาดว่ายังมีโอกาสเกิดการรีบาวด์ทางเทคนิค โดยล่าสุดมีจุดติดตามที่ 1580 และ 1573 จุด ตามลำดับ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1600 และ 1616 จุด
ประเด็นสำคัญ
• รัสเซียเรียกระดมทหารเพิ่มเติม หลังยูเครนยึดคืนเมืองที่ถูกรัสเซียยึด ขณะที่นาโตระบุจะไม่เร่งกระบวนการพิจารณารับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก
• ประชุม OPEC+ 5 ต.ค. นี้ มีแนวโน้มปรับลดกำลังการผลิตลง 5 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียเสนอให้ลดกำลังผลิตถึง 1 ล้านบาร์เรล/วัน
• CPI ยูโรโซน ก.ย. เพิ่มขึ้น 10%YoY เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เงินเฟ้อขยายตัวแตะหลักสิบ อาจทำให้ ECB จำเป็นต้องเร่งขึ้น ด.บ. เชิงรุกมากขึ้น
• ส่งออกเกาหลีใต้ขยายตัวต่ำสุดรอบ 2 ปี ผลกระทบอุปสงค์อ่อนแอทั่วโลก
• สคบ. เห็นชอบเพดาน ด.บ. สินเชื่อรถยนต์ที่ 10 รถมือสอง 15% จยย. 23 % ด้าน ธปท. เตรียมเปิดรับฟังความเห็นผลกระทบ คาดต้นปี 66 ได้ข้อสรุป
• สศค. อยู่ระหว่างศึกษาทบทวนมาตรการยกเว้นภาษีและมาตรการลดหย่อนต่างๆ เพื่อให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น
• ก.ท่องเที่ยวฯ หารือส่งเสริม นทท. จากเอเชียกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง
• บอร์ด SCB ประชุมวันนี้ พิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า 0.25% หลังจาก BBL KBANK และ BAY ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว
• ขสมก. เตรียมเสนอบอร์ด ต.ค. นี้ จัดหารถโดยสารไฟฟ้า 224 คัน วงเงิน 967 ลบ. ในรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP)
กลยุทธ์การลงทุน
แม้เชื่อว่าตลาดกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในระยะต่อไปได้แก่ความผิดพลาดในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่อาจมีมากขึ้นจากการ Fed Hawkishness ดังนั้น อาจต้องระมัดระวังความผันผวนในระยะสั้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective ในหุ้นที่ยังมีความแข็งแกร่งและต้านทานการขึ้นดอกเบี้ย และการชะลอลงของเศรษฐกิจได้ แต่ยังคงต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้มองตลาดรับรู้ความเสี่ยงต่างๆ ไประดับนึงแล้ว แต่คาด Upside ยังจำกัด เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนจะยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น ช่วงสั้นจึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง ดังนี้
1) หุ้น defensive ที่สามารถต้านทานความสี่ยงภายนอกและการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ เลือก ADVANC BDMS และ GULF (คาดได้ประโยชน์เพิ่มจากแผน PDP ใหม่)
2) หุ้น Domestic Consumption ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตดี เลือก CRC CPALL HMPRO
3) หุ้น Reopening ที่คาดได้ประโยชน์จากยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และการเปิดประเทศมากขึ้นของต่างประเทศ เลือก AOT ERW ZEN
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
2) หุ้นที่มีฐานลูกค้า/ตลาดส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรป ซึ่งคาดได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มยาง
Daily Focus
BDMS หุ้น Defensive คาดกำไร 2H65 เพิ่มขึ้น จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับ โควิด-19 โดยเฉพาะตลาดผู้ป่วยต่างชาติ คาดปี 65 กำไรปกติ +43% สู่ 1.1 หมื่นลบ. ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม (ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น +18% เทียบกับ BH ที่ +26%) จะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อ
PTTEP คาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากความเสี่ยงวิกฤติพลังงานในยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย คาดโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตในการประชุม 5 ต.ค. ขณะที่ 2H65 คาดได้รับประโยชน์จาก ASP ที่สูงขึ้นจากสถานะสัญญาประกันความเสี่ยงส่วนใหญ่มีการบันทึกมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันแล้ว
ข่าวเด่น