ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
เลขามูลนิธิบ้าน 111 ระบุปรับ ครม.แน่ แต่ 111 ไม่ต่อรองตำแหน่ง


"เลขามูลนิธิบ้าน 111"  ระบุปรับ ครม.แน่ แต่ 111 ไม่ต่อรองตำแหน่ง   พร้อมเสริมกำลัง  และเดินหน้าต้านรัฐประหาร  “สุวัจน์” เชื่อดึง 111 เสริมเสถียรภาพรัฐบาลต่างชาติเชื่อถือ ชี้ 111 เชื่อมปรองดอง และสังคมดีขึ้น  ส่วน “นิพิฎฐ์” ชี้ ตั้ง 111 นั่งรัฐมนตรีง่ายพรรคไม่แตก แต่มีปัญหาลงเลือกตั้งใหม่ เหตุพื้นที่ลงส.ส.เพื่อไทยเต็มแล้ว

สมาคมนักข่าว  -  การสัมมนาสาธารณะหัวข้อ  “พลวัตทางการเมืองหลัง 111 คืนชีพ ???”  จัดโดยผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับกลาง (บสก.) รุ่นที่ 3   สถาบันอิศรา มูลนิธิสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย  วิทยากรผู้อภิปรายประกอบด้วย นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ  แกนนำชาติพัฒนา  นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล  เลขาธิการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย  นายนิพิฏฐ์  อินทรสมบัติ  ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์  นายพนัส  ทัศนียานนท์ อดีต ส.ว.ตาก  อดีต ส.ส.ร. 2540  ดำเนินการอภิปรายโดย นายเสถียร  วิริยะพรรณพงศา ผู้สื่อข่าวอาวุโส  เครือเนชั่น  จัดขึ้นที่ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล  สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย  มีประชาชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมฟังการเสวนาประมาณ 80 คน

การอภิปรายเริ่มขึ้นด้วยประเด็นว่า 111 เข้ามาจะเปลี่ยนการเมืองในทิศทางใด  ช่วยเติมเต็มหรือเกิดความแตกแยกภายในพรรคนั้น  นายวิชิตกล่าวว่า การปรับ ครม. มีแน่  แต่จะช้าเร็วขึ้นกับนายกฯ และกระแสทางการเมืองหลัง 111 ปลดล๊อค  แต่เท่าที่คุยกัน 50 – 60 คน ในฐานะแม่บ้านยืนยันไม่มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี  ขอให้พรรคมอบงานให้ทำ  พรรคอาจจะขาดทีมงานการเมือง ทีมงานกฎหมาย  ลงพื้นที่  111 ก็จะเข้าไปเสริมทัพ

ส่วนที่ 111 จะขับเคลื่อนชัดเจนต่อไป นายวิชิตกล่าวต่อว่า เข้าไปต่อต้านการรัฐประหาร 5 ปีที่ทำกับพวกเรา  และเชื่อว่ารัฐประหารโอกาสน้อยลง  เพราะการเข้าไปในพื้นที่การเมืองของประชาชนมีมากขึ้น คิดว่าต่อไปนี้พื้นที่ทางการเมืองจะเป็นของประชาชน พรรคการเมืองจะปรับตัวมากขึ้น ต่อไปอีก 30 – 40 ปี ข้างหน้า  จะเห็นประชาชนร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยมากขึ้น พรรคการเมืองใหญ่ทั้งพรรคเพื่อไทย  ประชาธิปัตย์  ซึ่งเป็นระบบปิดอยู่เดิม ก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งการกำหนดนโยบายโดยประชาชนในพื้นที่เสนอผ่านพรรคการเมืองเป็นต้น

นายวิชิตกล่าวแย้งว่าการที่ปรับเปลี่ยน ครม. ทำได้ง่ายเพราะรัฐบาลนี้มีเสถียรภาพ  เป็นอำนาจนายก ฯ โดยตรง  เป็นพลวัตการเมืองธรรมดา  อาจตั้ง 111 บางคนที่เหมาะสมเข้าไปก็ได้  การเปลี่ยนแปลงมีแน่  แต่ปรับเมื่อไหร่ต้องถามนายก ฯ

ด้าน นายสุวัจน์กล่าวว่า ในวันที่  30 พ.ค. ที่จะถึง  111 จะเป็นอิสระอีกครั้ง มองในเชิงบวกว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น  เพราะ 111 เป็นบุคคลรุ่นที่สองทางการเมือง  ต่อเนื่องจากรุ่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ หรือ พล.อ.ชาติชาย  ชุณหะวัณ  111 จึงถือเป็น “รุ่นที่สอง” ของระบบการเมืองไทย “สมมุติปรับ ครม. เชิญ 111 เข้าไป  ยังไงก็ดีกว่าเดิม  เหมือนนักฟุตบอลตัวจริงได้กลับลงสนาม  ไม่อยากบอกว่ารัฐบาลที่ทำมาล้มเหลว  แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะดีกว่า แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม  และภาพจากภายนอกประเทศ  นักลงทุนจะเชื่อมั่นต่อระบบการเมือง  ว่าตัวจริงเสียงจริง  ที่ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลดีขึ้นมาลงสนาม  จะทำให้ระบบความเชื่อมั่นที่มีต่อการเมืองมากขึ้น”  นายสุวัจน์กล่าว แกนนำพรรคชาติพัฒนาผู้นี้กล่าวอีกว่า

นายสุวัจน์ กล่าวว่า  สิ่งที่จะเกิดประโยชน์ต่อมาคืองานในสภา  ความปรองดอง ก็สามารถพูดคุยกันได้เหมือนในสมัยก่อน  ในอนาคต 111 อาจอยู่พรรคก็ทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น  เชื่อมั่นว่าการคืนชีพเป็นประโยชน์ต่อระบอบเศรษฐกิจ การเมือง  สังคม

“อยากให้ต้อนรับ 111 เหมือนสมาชิกใหม่ของบ้านทรายทอง  เคยคิดว่าไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย  เพราะมองย้อนหลัง 5 ปีแล้วเห็นใจนักการเมืองรุ่นน้องมาก  เพราะเป็นช่วงที่การเมืองซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่สุด  คล้ายกับว่าผมนั่งหลับอยู่ในรถ  ก่อนโค้งร้อยศพถูกโยนออกมา  ดูเหมือนโชคร้าย  แต่กลับรอดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น  ข้างหน้า  ฟังดูเหมือนทุกคนไม่อยากกลับ  ที่ผ่านมาเหมือนอยู่ในที่ปลอดภัย  แต่วันนี้ไม่มีข้ออ้าง  ต้องกลับมาช่วยประเทศ  ผมอยากเห็น 111 มาช่วยในสามบทบาท 1. ทางเศรษฐกิจ 2. ด้านการปรองดอง และ 3. ด้านสังคม  เพราะพวกเขามีประสบการณ์มาก”  นายสุวัจน์เปรียบเทียบ 

นายสุวัจน์ยังกล่าวสรุปถึงการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของ 111 และตนเองว่า  5 ปีที่ผ่านมาทุกคนบรรลุตัวตนของตนเอง  ว่าควรอยู่จุดไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า  เราไม่จำเป็นต้องไปเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นรองนายก ฯ ไปอยู่จุดไหนก็ได้  ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้บ้านเมืองมีปัญหาเยอะ  ตั้งใจจะกลับมาช่วยประเทศ  และจะดูว่าอยู่จุดไหนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด

 นายสุวัจน์ยังวิเคราะห์อีกว่าสำหรับพรรคการเมืองเล็ก มีโอกาสที่จะกลายเป็นพรรคใหญ่ได้ยาก เพราะกระแสสังคม และเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ และเงื่อนไขในการเลือกตั้งได้เปลี่ยนไป โดยจะกลายเป็นระบบ 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่จะได้รับคะแนนในการเลือกตั้งมากขึ้น 

ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า มองการเมืองสองระดับ  ระดับรัฐบาลอาจจะดีขึ้น  มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา  อาจจะเข้มแข็งมากขึ้น  เพราะ 111 เป็นบุคลากรที่มีคุณค่า  และยอมรับว่า 5 ปีหลังบรรยากาศการเมืองต่างจากอดีต ไม่มีความประนีประนอม  มีความขัดแย้งทางความคิดมาก  ต่างจากอดีตที่ไม่ว่าจะคอขาดบาดตายยังไง  ถ้าคุยกันโดยไม่มีคนข้างหลังมันจบ  แต่วันนี้คุยกับนายจตุพร  พรหมพันธุ์  นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ และแกนนำเสื้อแดงคนอื่น ๆ คุยกันยังไงก็ไม่จบ ดังนั้นใครที่หวังว่าบ้านเมืองจะคืนสู่ความปรกติได้จะผิดหวัง  เพราะการเมืองมันเปลี่ยนแปลง

“ในพรรคเพื่อไทยนั้นผู้แทนฯ ไม่ได้คุมมวลชน แต่มวลชนเสื้อแดงคุมพรรค ลองนายวิชิตไปทะเลาะกับนายจตุพรคำสองคำสิ หรือถ้านายสุวัจน์ไปอยู่พรรคอื่นยังคุยได้ แต่ถ้ายังอยู่พรรคเพื่อไทยแล้ว ถ้าไปคิดอ่านเป็นปฏิปักษ์กับเสื้อแดงท่านทั้งสองจะสอบตก กิจกรรมบางเรื่องที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องสนับสนุน เพราะเขาต้องการมวลชน แตะมวลชนเมื่อไหร่ล้มเลย ส่วนมวลชนจะคุมไปทิศทางไหนไม่วิจารณ์” นายนิพิฏฐ์กล่าว

ส.ส. อาวุโสจากพรรคประชาธิปัตย์ผู้นี้ยังวิเคราะห์ต่อว่า  บ้านเลขที่ 111 อาจเข้าไปเป็นรัฐมนตรีได้  แต่จะมีปัญหาถ้าจะเข้าไปเป็น ส.ส. เพราะใน 400 เขตเต็มหมดแล้วไม่มีพื้นที่ให้เข้า  ถ้าลองไปถอด ส.ส. ที่เขาเป็นอยู่เขาจะย้ายพรรคทันที  ดังนั้นปรับ ครม. ตอนนี้ง่ายสุด  เพราะอำนาจเบ็ดเสร็จไม่มีปากเสียง พรรคไม่แตก  เพราะพรรคเข้มแข็งมาก  แต่จะเกิดปัญหาเมื่อมีการเลือกตั้งรอบใหม่ เพราะไม่มีพื้นที่ลง

 ส่วน นายพนัสกล่าวว่าถ้า 111 เป็นอิสระกลับมาการเมืองไทยจะกลับคืนสภาพของการเมืองก่อนหน้า 19 ก.ย. 49  เมื่อการเมืองจะกลับไปอย่างเก่าก็ไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่  แต่ก็ยอมรับว่ามวลชนตื่นตัวเรื่องการเมืองมาก  แต่ไม่แน่ใจว่าตื่นตัวเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือไม่
 


LastUpdate 26/05/2555 17:06:50 โดย : Admin

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 10:51 pm