เบรนท์ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.30 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 107.88 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบ มี.ค. ปรับลดลง 0.68 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 96.64 เหรียญฯ

 

- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม Flash Markit/HSBC PMI ประจำเดือนม.ค. ของจีน ที่ออกมาเพียง 49.6 จุด ลดลงจาก 50.5 จุด ในเดือน ธ.ค. ซึ่งระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด แสดงว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว  ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน รวมถึงความต้องการใช้น้ำมัน

- การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนสอดคล้องกับคาดการณ์ล่าสุดของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่รวบรวมโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะขยายตัวเพียงร้อยละ 7.4 ในปี 2557 ลดลงจากร้อยละ 7.7 ในปี 2556 ซึ่งจะถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี สาเหตุหลักมาจากนโยบายปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการแก้ภาวะหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

- นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะตัดสินใจเดินหน้าชะลอมาตรการ QE เพิ่มอีก 10,000 ล้านเหรียญฯต่อเดือนในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค. นี้

 

+ อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ โดยสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันในเดือนธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5.8 มาอยู่ที่ 19.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 4.5 ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธ.ค.ที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ดีได้รับแรงหนุนจากตัวเลขปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสิงคโปร์สัปดาห์ล่าสุดปรับลดลง 3.4% จากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 11.74 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการนำเข้าจากตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากคาดว่าโรงกลั่นน้ำมัน (Yanbu) ขนาด 400,00 บาร์เรลต่อวันจะหยุดซ่อมบำรุง รวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันในคูเวตลดกำลังการกลั่นเนื่องจากเกิดปัญหาขัดข้องทางด้านไฟฟ้า

 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 93- 99 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104-110 เหรียญฯ  

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่

วันจันทร์: ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ

วันอังคาร: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ รวมไปถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (วันแรก)

วันพุธ: ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (วันสุดท้าย)

วันพฤหัสบดี: จีดีพีไตรมาสที่ 4/2556 ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรป รวมไปถึงดัชนีภาคการผลิตจีน (HSBC)

วันศุกร์: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ และยอดการว่างงานสหภาพยุโรป

 

- จีดีพีไตรมาส 4/2556 สหรัฐฯ ประเทศมหาอำนาจซึ่งมีความต้องการใช้น้ำมันดิบกว่า 1 ใน 4 ของโลก ที่จะประกาศในวันที่ 30 ม.ค. 

- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ ว่าจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินอย่างไร ภายหลังตัดสินใจปรับลดมาตรการอัดฉีดทางการเงิน (QE) ลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมครั้งที่ผ่านมา

- ปัญหาการประท้วงในลิเบียที่ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อภาวะอุปทานตึงตัว อย่างไรก็ดีล่าสุดนายกรัฐมนตรีลิเบียออกมาประกาศว่ามีแผนการที่จะเข้ายึดท่าขนส่งน้ำมันทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งมีกำลังการส่งออกรวมอยู่ที่ราว 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- การเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone  โดยเบื้องต้นท่อดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มขนส่งน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- ความไม่สงบในซูดานใต้ที่ยังคงคุกรุ่น โดยล่าสุดประธานาธิบดีซูดานใต้ได้สั่งการให้ทหารเข้าจู่โจมผู้ก่อการกบฏเพื่อขับไล่ผู้ก่อการกบฏออกจากรัฐมะละกา สร้างความกังวลต่อความสามารถในการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศ