สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 26 มีนาคม 2558ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,194.80-1,219.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 300 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,400 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ15 อยู่ที่ 18,790 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 310 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,480 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.33 น.ของวันที่ 26/03/15)

แนวโน้มวันที่ 27 มีนาคม 2558
ผลกระทบจากซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์, คูเวต, บาห์เรน และกาตาร์ ได้เริ่มดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏฮูธีในเยเมน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และ เหตุการณ์นี้ก็กระตุ้นให้นักลงทุนกังวลกันว่า วิกฤตินี้อาจจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนิกายในวงกว้างในภูมิภาคตะวันออกกลาง ข่าวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา ขณะที่ตลาดทองคำได้แรงหนุนเพิ่มจากสกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก (นายชาร์ลส์ อีแวนส์) แสดงความกังวลต่อแรงกดดันในทางลบอย่างชัดเจนต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเกิดจากการแข็งค่าของดอลลาร์ อาจจะสร้างความยากลำบากให้แก่เฟดในการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% และเขากล่าวว่าเฟดควรจะเลื่อนเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปสู่ช่วงครึ่งแรกของปี 2016 ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่น่าผิดหวังที่ออกมาได้ช่วยสนับสนุนและบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอการเติบโตลงในช่วงต้นปีนี้ขณะที่สภาทองคำโลก (WGC) แนะนำจีนเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำสำรองขึ้นสู่ระดับราว 5 % จากปัจจุบันจีนถือครองทองคำราว 1.6 % ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศ เพื่อจะได้ช่วยกระจายความเสี่ยงด้านสกุลเงิน

ทั้งนี้ จีนปรับเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำครั้งสุดท้ายในเดือนเมษายน 2009 โดยปรับเพิ่มทองคำสำรองขึ้นสู่ระดับ 1,054 ตัน ส่งผลให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ประเมินว่า ราคาทองคำจะมีแนวรับบริเวณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากโซนนี้ไม่สามารถรับอยู่ ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับถัดไปในบริเวณ 1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยืนอยู่ราคาทองคำจะดีดตัวกลับไปในโซน 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะความผันผวนของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,200 หรือ 1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาอาจจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,220 หรือ 1,230 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยง

                 ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ        1,200 (18,440บาท)       1,193 (18,340บาท)          1,185 (18,210บาท)
แนวต้าน      1,220 (18,750บาท)       1,230 (18,910บาท)          1,237 (19,020บาท)     

           GOLD FUTURES (GFJ15)
แนวรับ        1,200 (18,620บาท)       1,193 (18,510บาท)          1,185 (18,380บาท)
แนวต้าน      1,220 (18,920บาท)       1,230 (19,080บาท)          1,237 (19,290บาท)