กรณีบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.)ประกาศปรับมาตรการรักษความปลอดภัยของสนามบินดอนเมือง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ปรับเพิ่มมาตรการ รักษาความปลอดภัย ตรวจค้นและเอ็กซเรย์ กระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารทุกชิ้นที่จะนำเข้าในพื้นที่เช็กอิน    และได้แจ้งเตือนผู้โดยสารภายในประเทศควรมาถึงภายในสนามบินล่วงหน้าอย่าง น้อย 2 ชั่วโมงครึ่ง และผู้โดยสารขาออกต่างประเทศควรมาถึงภายในสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรการที่กรมการบินพลเรือน (บพ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กำหนดไว้ หลังตรวจพบสนามบินดอนเมืองดำเนินมาตรการดังกล่าวหละหลวม

ล่าสุดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศว่า ตามที่ท่าอากาศยานดอนเมืองปรับเปลี่ยนมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยการตรวจค้นและเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารทุกชิ้น ที่นำเข้าในพื้นที่เช็กอิน เนื่องจากเป็นไปตามคำแนะนำจากการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน จากหน่วยงานตรวจสอบของรัฐ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานดอนเมือง พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้เหมาะสมกับความคับคั่งของผู้ โดยสาร โดยอยู่บนพื้นฐานของมาตรการรักษาควาปลอดภัยด้านการบินของรัฐ และมาตรฐานสากล ท่าอากาศยานดอนเมือง จะปรับ มาตรการรักษาความปลอดภัย ดังนี้
         
 1.ท่าอากาศยานดอนเมืองจะทำการ X ray เฉพาะกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่อง ส่วนกระเป๋าที่ติดตัว จะ X ray ที่จุดตรวจค้นผู้โดยสาร 2.เพิ่มเจ้าหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานในการตรวจค้นสัมภาระผู้โดยสาร 3.ขอความร่วมมือผู้โดยสาร ไม่ให้เปิดกระเป๋าที่ผ่านการ X ray และติดสติ๊กเกอร์ หากสติ๊กเกอร์ชำรุด จะต้อง X ray กระเป๋าใหม่ 4.เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เช็กอินของสายการบิน เข้มงวดในการตรวจสอบกระเป๋าและสติ๊กเกอร์ก่อน Check in และโหลดขึ้นเครื่องทุกครั้ง


นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ ทอท. เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับกรมการบินพลเรือน ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหามาตรการรักษาความปลอดภัย ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยการตรวจค้นและเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารทุกชิ้นที่นำเข้าพื้นที่ เช็คอิน ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องรอคิวนาน โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ทอท. จะเอ็กซเรย์กระเป๋าผู้โดยสารที่เดินทางออกนอกประเทศทั้งสัมภาระที่โหลดใต้ ท้องเครื่องบิน และกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องบิน

สำหรับผู้โดยสารในประเทศ นายประสงค์ พูนธเนศ กล่าวว่า จะกลับไปใช้มาตรการตรวจสอบแบบเดิม โดยจะผ่านการเอ็กซเรย์เฉพาะกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน พร้อมติดสติ๊กเกอร์ยืนยันว่าผ่านเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระแล้ว นอกจากนี้ ทอท. ยังเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยสังเกตการณ์ ว่ามีการลักลอบเปิดกระเป๋าที่ติดสติ๊กเกอร์แล้วหรือไม่ ซึ่งต้องให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการชั่วคราว จะเริ่มใช้ทันทีตั้งแต่วันนี้ (20 ก.ค.58) ไปจนกว่าการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 จะเปิดให้บริการสิ้นเดือนกันยายนนี้