ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
YLG ชี้หากราคาทองไม่ผ่านแนวต้าน 1,179 -1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาอาจอ่อนตัวลง


สภาวะตลาดวันที่ 14 ตุลาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,164.80-1,176.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,450 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV15 อยู่ที่ 19,720 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 170 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,550 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 17.00 น.ของวันที่ 14/10/15)

แนวโน้มวันที่ 15 ตุลาคม 2558
ตัวเลขเงินเฟ้อจีนสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจจีนยังคงชะลอการเติบโตลงต่อไป ข้อมูลบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคจีนลดลงสู่ระดับต่ำเกินคาดในเดือนกันยายน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 1.6% ในเดือนกันยายนปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า แต่อยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.8% และอยู่ต่ำกว่าดัชนี CPI เดือนสิงหาคมที่ 2.0% ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ติดลบ 5.9% ต่อปีในเดือนกันยายน แม้จะเท่ากับข้อมูลของเดือนก่อนหน้าแต่อัตราการติดลบที่ระดับ 5.9% ต่อปีนี้ถือเป็นอัตราการดิ่งลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 และเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 43 ติดต่อกัน ตัวเลขนี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจจีน อาจจะกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินฝืดมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในช่วงต้นสัปดาห์ สำนักงานศุลกากรของจีนรายงาน ยอดส่งออกของจีนในรูปสกุลดอลลาร์ลดลง 3.7% ในเดือนกันยายนปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ส่วนยอดนำเข้าดิ่งลง 20.4% ต่อปี และถือเป็นการดิ่งลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ได้กดดันดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินเคลื่อนตัวใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ครึ่ง โดยหนุนราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งในรอบ 3 เดือน หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจประจำเดือนกันยายนของจีนบ่งชี้ถึงภาวะเงินฝืดในจีนี่รุนแรงมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนยอมรับว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการชะลอการเติบโต หลังจากเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ทั้งนี้ แม้ทิศราคาทองคำจะเป็นบวกแต่ความผันผวนของราคาทองคำและการแกว่งตัวของค่าเงินบาทในแต่ละวัน ทำให้นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,179-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,155-1,151 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,141 หรือ 1,134 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับโซน 1,155-1,151 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์

        ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ            1,155 (19,410บาท)        1,141 (19,170บาท)           1,134 (19,050บาท)
แนวต้าน          1,179 (19,810บาท)        1,189 (19,980บาท)           1,196 (20,100บาท)

           GOLD FUTURES (GFV15)
แนวรับ            1,155 (19,520บาท)        1,141 (19,280บาท)           1,134 (19,160บาท)
แนวต้าน          1,179 (19,920บาท)        1,189 (20,100บาท)           1,196 (20,210บาท)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ต.ค. 2558 เวลา : 18:31:42

25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 7:48 pm