ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นโลกทะยาน "ดาวโจนส์" ปิดบวก 89.39 จุด ผลจากหุ้นพลังงาน- เหมืองแร่ผลััก ขณะตลาดหุ้นยุโรปดีดขึ้น ตามหุ้นกลุ่มพลังงาน -สินค้าโภคภัณฑ์


ตลาดหุ้นโลกกลับมาสดใสอีกครั้ง โดยปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ 17,918.15 จุด เพิ่มขึ้น 89.39 จุด หรือ +0.50% , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,145.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.98 จุด หรือ +0.35% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด หรือ +0.27%
  
ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.4% ปิดที่ 378.36 จุด , ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,936.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.97 จุด หรือ +0.41% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,951.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด หรือ +0.00% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,383.61 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ +0.34%

โดยปัจจัยที่กระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐ ได้แก่ การดีดตัวขึ้นของ
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังราคาน้ำมันดิบและโลหะปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1.8% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้นกว่า 4.8% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ทะยานขึ้น 5%
  

หุ้นไมโครซอฟท์ หุ้นวีซา อิงค์ และหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% ซึ่งช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูลเกิล โดยทั้งสองบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
  

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีในเดือนก.ย. ทั้งนี้ รายงานของ ISM ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กพุ่งขึ้นสู่ระดับ 65.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากร่วงแตะระดับ 44.5 ในเดือนก.ย. ขณะอยู่ที่ 51.1 ในเดือนส.ค.
   

อย่างไรก็ตาม  นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด และนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก  รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ เพื่อจับสัญญาณเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
                
สำหรับปัจจัยที่กระตุ้นตลาดหุ้นยุโรป เกิดจากการดีดตัวขึ้นหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์เช่นกัน โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ทะยานขึ้น 18% ขณะที่หุ้นเกลนคอร์ และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.2%
  

อย่างไรก็ตาม หุ้นโฟล์คสวาเกนร่วงลง 1.5% หลังจากยอดขายรถยนต์โฟล์คสวาเกนขยับขึ้นเพียง 0.24% สู่ระดับ 30,387 คันในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ มีรายงานว่า สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนการละเมิด (NOV) เป็นครั้งที่ 2 แก่บริษัทโฟล์คสวาเกน อันเป็นผลจากการติดตั้งซอฟต์แวร์โกงการตรวจสอบไอเสียในรถยนต์ดีเซลที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่
  

หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 6.7% หลังจากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ธนาคารสัญชาติอังกฤษ ประกาศแผนยกเครื่องธุรกิจครั้งใหญ่ด้วยการระดมทุน รวมทั้งการลดจำนวนพนักงานลงราว 15,000 ตำแหน่งภายในปี 2561 และการยุติกิจการในบางประเทศ ขณะหุ้นยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 4.3% หลังจากธนาคารได้เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 มูลค่า 2.1 พันล้านฟรังค์ หรือ 2.13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด
                
                
               


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 พ.ย. 2558 เวลา : 11:46:20

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 6:37 am