ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
วายแอลจี แนะลงทุนทองวันนี้ : เสี่ยงซื้อในโซน 1,070 และชะลอการเข้าซื้อหากราคาทองคำหลุด 1,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์


คำแนะนำ
  

เสี่ยงซื้อในโซน $1,070 และชะลอการเข้าซื้อหากราคาทองคำหลุด $1,060

ทองคำ

  แนวรับ 1,070 1,060 1,050
  แนวต้าน 1,091 1,097 1,112

ปัจจัยพื้นฐาน

   

ราคาทองคำสปอตสหรัฐฯวานนี้ปรับตัวขึ้น 11.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งใช้ดัชนีดอลลาร์เป็นตัวแทนได้ปรับตัวลง ส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดทองคำ สำหรับวานนี้ราคาทองคำปรับตัวลงทำจุดตํ่าสุดในบริเวณ 1,069.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนดีดตัวขึ้นปิดบวกเป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง เบื้องต้นนักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หากมีประเด็นที่เพิ่มเติมเข้ามาย่อมชี้นำราคาทองคำได้ ขณะที่ค่าเงินบาทนั้นกลับมาแข็งค่าเนื่องจากเงินสกุลดอลลาร์ได้อ่อนค่า ทำให้ราคาทองคำในประเทศอาจปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าต่างประเทศ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ปัจจัยเทคนิค
   

ราคาทองคำเกิดแรงซื้อหลังจากตลาดอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป เบื้องต้นการดีดตัวต้องจับตาบริเวณ 1,091-1,097 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งประเมินเป็นแนวต้าน หากไปไม่ถึงหรือไม่สามารถผ่านไปได้ ต้องระวังแรงขายออกมา โดยประเมินแนวรับที่เดิมที่ 1,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน
   

หากถือสถานะซื้อในโซน 1,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจปิดสถานะทำกำไรในบริเวณ 1,091-1,097 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่หากต้องการเปิดสถานะซื้อใหม่อาจรอในโซน 1,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน
   

(+)เฟดเผยการกู้ยืมภาคครัวเรือนสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบกว่า 5 ปีในไตรมาส 3 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า การกู้ยืมในภาคครัวเรือนของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 12.1 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี การก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว เกิดจากการที่ชาวสหรัฐเพิ่มการกู้ยืมเพื่อซื้อรถยนต์, บ้าน และการกู้ยืมด้านการศึกษา รวมทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการปล่อยเงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์จำนวน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ลูกหนี้ที่มีประวัติยํ่าแย่
    

(-)เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาวะธุรกิจพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 1.9 หลังจากติดลบเป็นเวลา 2 เดือน โดยอยู่ที่ -4.5 ในเดือนต.ค. และ -6.0 ในเดือนก.ย. ดัชนีที่อยู่ตํ่ากว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว หากอยู่สูงกว่า 0 บ่งชี้ภาวะขยายตัว การพุ่งขึ้นของดัชนีดังกล่าวแสดงถึงการดีดตัวในภาคการผลิต หลังจากได้รับผลกระทบก่อนหน้านี้จากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ -1.0 ในเดือนพ.ย. ดัชนีทะยานขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย. โดยแตะระดับ 15.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้
   

(-)เฟดคลีฟแลนด์ชี้เหตุโจมตีปารีสไม่กระทบแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จะไม่กระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานอย่างเต็มที่ นางเมสเตอร์กล่าวว่า จากการประเมินพบว่าการโจมตีดังกล่าวจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก แม้ว่าการโจมตีมักทำให้ตลาดมีปฏิกริยารุนแรงในช่วงแรก เขายังระบุยํ้ามุมมองเกี่ยวกับนโยบายของเฟด และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ นางเมสเตอร์แสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ในที่สุด
   

(-)Conference Board เผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. Conference Board เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 124.1 หลังจากร่วงลง 0.1% ทั้งในเดือนก.ย. และส.ค. การดีดตัวขึ้นของดัชนีได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้น และตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านที่สดใส ทางด้านดัชนี Coincident Economic Index (CEI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 113.0 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. และ 0.1% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี Lagging Economic Index (LAG) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 119.3 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. และ 0.6% ในเดือนก.ย.
    

(-)สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ตัวเลขดังกล่าวตํ่ากว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 37 ติดต่อกัน และยังคงอยู่ใกล้ระดับตํ่าสุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น เพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 270,750 ราย แต่ยังใกล้ระดับตํ่าสุดในรอบ 42 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนธ.ค.1973
                
                
                
               


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 พ.ย. 2558 เวลา : 11:10:00

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 7:07 am