ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


กลยุทธ์วันนี้  FOMC Meeting
 

ตลาดหุ้นวานนี้: 
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,380 จุด กดดันด้วยกลุ่ม ICT และกลุ่มพลังงาน ที่ขึ้นมาแรงในก่อนหน้านี้ เกิดแรงขายทำกำไร เพื่อปิดความเสี่ยงก่อนการประชุมเฟด อีกทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางราคาน้ำมันดิบ และท่าทีของ JAS ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดลบ 11.34 จุด มาอยู่ที่ 1,382.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,431 ล้านบาท
          เม็ดเงินทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไร ตลาดหุ้นไทยขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 2,617 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 765 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เพียง 962 สัญญา

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ติดตามผลการประชุมเฟดคืนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้จะปรับลดลงหรือไม่
          - กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไร อาจกดดันให้พอร์ตโบรกเกอร์ที่ YTD ซื้อสุทธิเกือบแตะระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท เริ่มพิจารณาการขายทำกำไรได้เช่นกัน
          - ศาลปกครองสูงสุดตัดสินคุ้มครองฉุกเฉินให้ ซิม 900MHz ของ AIS ยังใช้ได้จนถึงวันที่ 14 เม.ย.

มุมมองต่อตลาด
          เราคงมุมมองต่อการลงทุน “บวก” วันที่ 4 แม้ SET INDEX จะยังมีน้ำหนักของการพักฐานสู่แนวรับ 1,350 จุด +/- จากปัจจัยแวดล้อมที่ชะลอตัวได้แก่
          - นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดคืนนี้ ซึ่งแน่นอนว่าตลาดให้น้ำหนัก 96.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ
          มุมมองความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกจะมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด
          ทิศทางอัตราเงินเฟ้อในระยะกลาง เทียบกับเป้าหมาย 2.0% ยังเป็นไปได้หรือไม่
          เฟดมีการปรับเป้าหมายเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าลงหรือไม่
          เฟดจะยังคงเป้าหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 4 ครั้งในปีนี้อีกหรือไม่
          หากเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่เริ่มให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากปรับลดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 4 ครั้งลงเป็น 3 หรือ 2 ครั้งในปีนี้ อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ / สินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันมีแนวโน้มลดลงจากความเสี่ยงด้านอุปทาน /เงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ / ราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว 
          - ท่าทีของพอร์ตโบรกเกอร์ หลังต่างชาติเริ่มเปิดฉากขายทำกำไรในตลาดหุ้นวันแรกในรอบ 10 วันทำการมากถึง 2,617 ล้านบาท อาจทำให้พอร์ตโบรกเกอร์เลือกที่จะขายทำกำไรบางส่วน หลังซื้อสุทธิสะสม 14,965 ล้านบาท YTD ย่อมกดดัน SET INDEX ภาพรวมได้ 
          - ความกังวลต่อ Valuation ของตลาดหุ้นไทย ที่ยังอยู่ในโซนแพง ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER59 เท่ากับ 14.63x สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER 5 ปีย้อนหลังที่ 13.7x 
          เรายังมองว่า ภาพรวมของการทำ Sector Rotation ยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มพลังงาน เผชิญกับแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ ที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงจะช่วยปิด Downside risk ในช่วงนี้ รวมถึงกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC / INTUCH จะฟื้นตัวจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
          ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะกลับมาโดดเด่น จากภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่พักฐานในช่วงนี้ เพราะไม่พึ่งพิงเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ หรือ กองทุนภายในประเทศ
          เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,370-1,390 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นระดับ 5.0-6.0 หมื่นล้านบาท  

กลยุทธ์การลงทุน 
          เราคงแนะนำให้ “นักลงทุน เข้าเก็งกำไรหุ้นหลัก / High Beta ต่อเนื่อง เพื่อรอขายทำกำไร หลังเสร็จสิ้นการประชุมธนาคารกลางที่สำคัญๆ ในสัปดาห์นี้ และกนง.ในกลางสัปดาห์หน้า”

          Accumulative Buy: ITD / VGI

Stock Pick of the Day

          กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
          1.   ITD  : ราคาปิด 7.15 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
          a)   MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อโครงการเหมืองแร่โปรแตซ จ.อุดรธานี ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทลูก คือ APPC และคาดว่าจะมีความคืบหน้าใน เดือน มี.ค. 
          b)   จากการสอบถามผู้บริหารของ APPC ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการจัดประชุมระดับจังหวัด เพื่อกำหนดวันประชาพิจารณ์รอบสุดท้าย ซึ่งหากโหวตผ่านคาดว่าจะได้รับใบประทานบัตรใน 2Q59 
          c)   หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังมี Momentum เชิงบวก จากการเดินหน้าผลักดันงานประมูลขนาดใหญ่ หลังคสช.ประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อให้ดำเนินการประมูลคู่ขนานไประหว่างที่รอผล EIA ได้ 
          d)   คาดว่าครม.จะพิจารณาอนุมัติแผนลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง ภายใน เดือน มี.ค. และจะมีความคืบหน้าของการประมูลงานขนาดใหญ่ ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 และรถไฟฟ้ารางคู่เส้นทางจิระ-มาบกะเบา 
          e)   เชื่อว่าหากโครงการเหมืองแร่โปรแตซมีความคืบหน้า จะเป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อราคาหุ้นจากการเกิด Positive Surprise เนื่องจากตลาดยังไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักต่อโครงการดังกล่าว เนื่องจากมูลค่าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซเฉพาะโครงการอุดรใต้ คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น ITD แบบ Conservative ไม่ต่ำกว่า 5.00 บาทต่อหุ้น 
          2.   VGI  : ราคาปิด 4.58 บาท ราคาเหมาะสม 5.00 บาท
          a)   VGI จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าจะตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อภาพรวมและแผนธุรกิจของบริษัท ที่จะมุ่งขยายตลาดเข้าสู่ระดับ Nationwide มากขึ้น จากเดิมที่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพเป็นส่วนใหญ่ 
          b)   เม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาคาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2559 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสินค้าและบริการเพิ่มงบโฆษณาในปีนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เร่งตัวขึ้น 
          c)   VGI จะได้ประโยชน์โดยตรงเนื่องจากเป็นผู้นำธุรกิจโฆษณาทั้งสื่อกลางแจ้ง และสื่อรถไฟฟ้า ดังนั้น จึงเชื่อว่าผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา 
          a)   คาดผลประกอบการปี 2559/2560 กลับมาเติบโต +22.5% yoy เป็น 1,318 ล้านบาท และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PE2559 ที่ 24 เท่า ต่ำกว่า PLANB ที่ 40 เท่า

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14 อีก US$126 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$474 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยบ้างแล้ว
          นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 2,617 ล้านบาท เทียบกับ 9 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 17,900 ล้านบาท เป็นการขายสุทธิที่น่าสนใจติดตาม แม้ว่า YTD นักลงทุนกลุ่มนี้จะยังซื้อสุทธิเท่ากับ 7,663 ล้านบาท 
          ขณะที่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long เป็นวันที่ 2 เพียง 962 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 5,224 สัญญา คาดเป็นการเปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง หากพิจารณาจาก S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างถึง 10.12 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิยืนเหนือ 120,000 สัญญา เป็น 126,973 สัญญา  
          แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มขายทำกำไรเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ ขายสุทธิ 765 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 53,911 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยปรับตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงมากถึง 8.71bps จากวันก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.47bps ปิดที่ 1.886%

Short-Selling วานนี้ 
เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เป็น 1,380 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,118 ล้านบาท 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 11 เป็นลักษณะ Basket orders ต่อเนื่อง
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 1,393 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 5,504 ล้านบาท รวม 11 วันทำการ ซื้อสุทธิ 33,608 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิแบบ Basket orders เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า สรุปภาพรวมได้ดังนี้
          1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุด 572 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 887 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 470 ล้านบาท  จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 801 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 236 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิสูงสุด 2,709 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 158 ล้านบาท
          2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสุงสุด 172 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 200 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 44 ล้านบาท 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาใกล้เคียงคาดเป็นส่วนใหญ่
          ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนก.พ. หดตัว 0.2% mom เท่ากับ Bloomberg consensus แต่สวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.1% mom โดยอุปสงค์ด้านบริการที่ชะลอตัว รวมถึงราคาพลังงานที่ลดลง 3.4% mom 
          ยอดค้าปลีกเดือนก.พ. หดตัว 0.1% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาดเช่นกัน แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.4% mom โดยยอดค้าปลีกที่ไม่รวมยอดขายรถยนต์ หดตัว 0.1% mom ดีกว่าที่ตลาดคาด -0.2% mom และชะลอตัวจากเดือนม.ค.ที่ 0.4% mom 
          ดัชนี Empire State ภาคการผลิต เดือนมี.ค. ฟื้นตัวเป็น 0.62 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ -16.64 จุด และ Bloomberg consensus คาด -11.25 จุด โดยกิจกรรมด้านโรงงานแข็งแกร่ง คำสั่งซื้อใหม่เริ่มฟื้นตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 10 เดือน
          ดัชนีตลาดบ้าน เดือนมี.ค. เท่ากับ 58 จุด เท่ากับเดือนก่อนหน้า และใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด 59 จุด โดยอุปสงค์บ้านใหม่ยังคงแข็งแกร่ง แต่อุปทานบ้านใหม่ยังคงขาดแคลน ทำให้ดัชนีตลาดบ้านทรงตัว

ยุโรป
          ไม่มี

จีน
          จีนวางแผนสร้างอุตฯ แชมเปี้ยนของประเทศ: การปฎิรูปรัฐวิสาหกิจที่มีขนาด US$18 ล้านล้าน ให้เน้นการทำบริษัทให้ใหญ่ขึ้นและดีขึ้น ด้วยการควบรวมกิจการ นำไปสู่ National Champions อาจส่งผลให้บริษัทข้ามชาติอาจไม่ได้ใบอนุญาตให้เพิ่มกำลังการผลิต / เปิดบริษัทได้

เอเชียแปซิฟิก
          BoJ คงนโยบายการเงินตามคาด: อัตราดอกเบี้ยนโยบาย -0.10% ด้วยเสียง 7-2 เสียง และสอดคล้องกับที่ Bloomberg consensus คาด ทั้งนี้การโหวตนโยบายการเงิน 8-1 เสียงคงนโยบาย อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่า BoJ จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมภายในกลางปีนี้
          เศรษฐกิจ 4Q58 ของศรีลังกาต่ำกว่าคาด: ขยายตัวเพียง 2.51% yoy ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 5.6% yoy โดยธุรกิจด้านการเกษตรหดตัว 0.5% yoy แต่การบริการเพิ่มขึ้น 2.7% yoy
          ยอดส่งออกอินโดนีเซียหดตัวน้อยกว่าคาด: ลดลง 7.18% yoy สำหรับเดือน ก.พ. จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 20.87% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดลดลง 14.80% yoy ทั้งนี้การส่งออกไปอาเซียนและจีนขยายตัว 15.1% และ 6.6% mom ตามลำดับ ขณะที่สหรัฐฯและอียูหดตัว 6.8% และ 4.6% mom ด้านการนำเข้าลดลง 11.71% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลที่ระดับ US$1.136 พันล้าน
          ยอดค้าปลีกสิงคโปร์ขยายตัวมากกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 7.5% yoy ในเดือน ม.ค. เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.8% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด +3.1% yoy ขณะที่เป็นการลดลง 1.2% mom และหากไม่รวมยอดขายรถยนต์ขยายตัวเพียง 1.4% yoy
          ดุลการค้าอินเดียขาดดุลต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี: เดือน ก.พ.ขาดดุลที่ระดับ US$6.54 พันล้าน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล US$7.64 พันล้าน ซึ่งเป็นการขาดดุลน้อยสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2556 ทั้งนี้การส่งออกลดลง 5.7% yoy ด้านการนำเข้าหดตัว 5.0% yoy 

ไทย
          ไม่มี


          โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 16 มี.ค. 2559






 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 มี.ค. 2559 เวลา : 10:14:05

25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 5:37 pm