ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้ แกว่งในกรอบแคบ 1,390 จุด +/- กลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคาร กดดันภาพรวม หลังกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่ช่วงท้ายตลาดกลับเกิดแรงเก็งกำไรหุ้นหลักกลับอย่างหนาแน่น ผลักดันให้ SET INDEX บวก 13.35 จุด มาอยู่ที่ 1,398.77 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 47,823 ล้านบาท
         
เงินทุนต่างชาติกลับมาน่าสนใจ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,791 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 มากถึง 14,061 สัญญา
 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - TISCO และ KKP รายงานกำไรสุทธิ 1Q59 ใกล้เคียงที่ MBKET คาด  
          - ติดตามการประชุม ครม.วันนี้ เตรียมพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา / ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง
          - กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทย ผ่าน Spot และ futures อย่างหนาแน่น
          - เช้านี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าทะลุ 35.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 7)
          MBKET ประเมินโอกาสที่ SET INDEX จะกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกครั้ง กรอบแกว่งระหว่าง 1,390-1,410 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 4.0-5.0 หมื่นล้านบาท/วัน หลังกระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาสนใจตลาดหุ้นไทยหนาแน่นอีกครั้ง  
          จับตากลุ่มธนาคาร หลังปรับตัวลง 4.87% ช่วง MTD เมื่อธนาคารหลักทยอยประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MLR ขณะที่ผลการดำเนินงานใน 1Q59 ภาพรวมน่าจะใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด และไม่น่าเป็นเหตุให้ต้องมีการปรับประมาณการปีนี้ลงอีก แต่หุ้นหลักในกลุ่มนี้ จะทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD โดย BBL ขึ้น XD วันที่ 21 เม.ย. / KKP วันที่ 29 เม.ย. / KTB วันที่ 10 พ.ค.
          วันนี้ติดตามการประชุม ครม. อาจมีการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งปรับฐานรายได้ในแต่ละอัตราภาษี ซึ่งจะเป็นบวกต่อกำลังซื้อภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มค้าปลีก หุ้นเด่นในกลุ่มนี้ CPALL / GLOBAL
          ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเก็งกำไรเฉพาะตัวจะมีความโดดเด่นต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะจะมีโครงการเปิดประมูลโครงการใน 2Q59 หลายโครงการด้วยกัน

Stock Pick of The Day          
          1. ทยอยสะสม TPIPL : ราคาปิด 2.54 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
          a) ราคาหุ้นวานนี้ที่ปรับตัวลง -4% เชื่อว่าได้สะท้อนปัจจัยลบแล้ว หลังถูกกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ฟ้องร้องให้ใช้ค่าแร่จำนวน 2 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 0.10 บาทต่อหุ้น
          b) อย่างไรก็ตาม TPIPL ได้แจ้งตลาดว่าไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกฟ้องร้อง และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยลบในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการตัดสินของศาลตั้งแต่ชั้นต้นถึงชั้นฎีกา คาดว่าจะใช้เวลาทั้งหมดนานถึง 10 ปี 
          c) คาดผลประกอบการ 1Q59 เติบโตสูง yoy และ qoq จะเป็น Catalyst ให้ราคาหุ้นฟื้นตัว และคงมุมมองเชิงบวกจากการนำบริษัทลูก TPIPP เข้าจดทะเบียนใน 4Q59 จะเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อ Market Cap ของ TPIPL โดยประเมินเบื้องต้นคาดการณ์ Market cap ของ TPIPP ที่ราว 4.5-5.0 หมื่นล้านบาท คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น TPIPL ราว 2.20-2.50 บาทต่อหุ้น           
          2. เก็งกำไร CPALL: ราคาปิด 45.25 บาท ราคาเหมาะสม 48.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากการประชุมครม.วันนี้จะมีการพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 5 ช่วงภาษีเป็น 7 ช่วงภาษี สูงสุดไม่เกิน 35% ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีให้กับประชาชน นอกจากนั้น จะยังเพิ่มค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีจาก 6 หมื่นบาทต่อคนต่อปี เป็น 7 หมื่นบาทต่อคนต่อปี 
          b) คาดกำไรสุทธิ 1Q59 จะเติบโต yoy จากการฟื้นตัวของ SSSG และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการ refinance ในปีที่ผ่านมา 
          c) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 26.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ราว 30 เท่า และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +12.8% yoy เป็น 1.54 หมื่นล้านบาท

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิอีก US$263 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$119 ล้าน ทั้งนี้เป็นการซื้อสุทธิทุกตลาดพร้อมกัน

Foreign Investors Action วานนี้
เม็ดเงินทุนต่างชาติกลับมาน่าสนใจ 

          นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,791 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 10,033 ล้านบาท ทำให้ YTD ยังคงเป็นการซื้อสุทธิ 14,752 ล้านบาทและคง Long สุทธิ SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 มากถึง 14,061 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิทั้งสิ้น 27,127 สัญญา และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเท่ากับ 13,505 สัญญา รวมถึงกดดันให้  S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 3.18 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 5.89 จุด 
          ด้านตลาดตราสารหนี้นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีกเล็กน้อย 205 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 3,952 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก 1.61bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.63bps ปิดที่ 1.709% 

Short-Selling วานนี้ 
เร่งขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 901 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 593 ล้านบาท 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 หนาแน่นขึ้น  

          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 1,549 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 73 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นกลุ่มพลังงาน / SCC / AOT อย่างโดดเด่น ขณะที่แรงขายจากกลุ่มธนาคารเริ่มชะลอตัวมากขึ้น  

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ประธานเฟดสาขานิวยอร์ค ยังคงกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ: นาย Dudley ประเมินถึงการปรับนโยบายการเงิน จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และระมัดระวัง เนื่องจากสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนที่มีนัยยะสำคัญ และภาวะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ไม่เต็มที่จากวิกฤติทางการเงินที่ผ่านมา 
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
          - ภาวะตลาดบ้านเดือนเม.ย. เท่ากับ 58.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 59.0 จุด แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้า 

ยุโรป
 
          รมว.คลัง อังกฤษ ประเมินต้นทุนหากออกจากอียู: ประเมินถึงผลกระทบหากอังกฤษ ออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู จะมีผลกระทบราว GBP4,300 ต่อครัวเรือนต่อปี ไปจนถึงปี 2573 และมีผลกระทบต่อ GDP มากกว่า 6% เท่ากับว่า ประเด็นนี้จะทำให้ประเทศอังกฤษยากจนลง และครอบครัวชาวอังกฤษจะยากจนอย่างถาวรด้วยเช่นกัน  

จีน          
          ราคาบ้านใน 70 เมืองหลักของจีน เพิ่มขึ้น 4.9% yoy: เร่งตัวขึ้นจากเดือนก.พ.ที่ +3.6% yoy โดยราคาบ้านในเมืองเซินเจิน เพิ่มขึ้นถึง 61.6% yoy ตามมาด้วยเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่เพิ่มขึ้น 25.0% yoy หรือคิดเป็น 3.7% mom และ 3.6% mom ตามลำดับ ทั้งนี้ตลาดบ้านในจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปในช่วง 2H58 จากการออกมาตรการกระตุ้นของรัฐ 
          S&P กังวลต่อภาวะหนี้ในรัฐวิสาหกิจของจีน: ประเมินว่ารัฐวิสาหกิจในจีนมีความเป็นไปได้สูงที่จะผิดนัดชำระหนี้มากขึ้นในปีหน้า หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าที่จะปิดบริษัทในอุตฯ ที่มีกำลังการผลิตเกิน ไม่ว่าจะเป็นอุตฯ เหล์ก, เหมืองแร่, วัสดุก่อสร้าง หรือ การต่อเรือ

เอเชียแปซิฟิก
          ตัวเลขเศรษฐกิจของอินเดียออกมาเชิงลบ
          - ดัชนีราคาค้าส่งหดตัว 0.85% yoy ในเดือน มี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 0.91% yoy และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินที่ -0.70% yoy นำโดยราคาพลังงานที่ลดลง 8.3% yoy ขณะที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 3.73% yoy 
          - ยอดส่งออกเดือน มี.ค.ลดลง 5.5% yoy ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 5.7% yoy ทั้งนี้การส่งออกไม่รวมปิโตรเคมีลดลง 3.49% ด้านการนำเข้าหดตัวแรง 21.6% ทำให้ดุลการค้าขาดดุลที่ระดับ US$5.07 พันล้าน 

ไทย
          ไม่มี

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 19 เม.ย. 2559

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 เม.ย. 2559 เวลา : 10:21:18

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 3:29 am