ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้แข็งแกร่งกว่าที่ประเมินไว้ โดยสามารถเกิด Technical rebound ขึ้นไปทดสอบด่าน 1,430 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี / SCC แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรมากขึ้นก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,424.06 จุด บวก 8.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 46,265 ล้านบาท
         
กระแสเงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,043 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 7 อีก 5,606 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง 716 ล้านบาท 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ผลการประชุม ECB คงนโยบายการเงินตามคาด
          ผลการประชุมโอเปก ไม่มีข้อตกลงใหม่ตามที่ตลาดคาดการณ์
          ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ทั้ง 6 ตลาด
          ติดตามตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
          ติดตามการประชุมครม.อาจมีการพิจารณาโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 9)
         
เรายังคงให้น้ำหนักกับด่าน 1,430 จุดขึ้นไป ยังไม่น่าจะมีแรงส่งที่แรงมากพอที่จะทะลุด่านดังกล่าวได้ เพราะหากประเมินจาก PER16 เท่ากับ 15.31x เทียบกับค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER 5 ปีเท่ากับ 15.29x อีกทั้งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมันทรงตัว ทำให้ภาพรวมของตลาดวันนี้ยังเป็นการแกว่งในกรอบ 1,420-1,430 จุด
         
ปัจจัยที่จะทำให้ SET INDEX ผ่านด่าน 1,430 จุดขึ้นไปได้ น่าจะมาจากแรงซื้อของสถาบันทั้งในและ/หรือ ต่างประเทศ แต่หากพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมที่จะต้องรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ จึงไม่น่าจะเกิดกระแสเงินทุนที่หนาแน่นในช่วงนี้
         
และหากพิจารณาถึงประเด็นต่างๆ ในสัปดาห์หน้า ขาดความโดดเด่นเช่นกัน มีเพียงการรอดูผลการประชุมครม. อาจมีการพิจารณาแผนลงทุนรถไฟรางคู่ 6 เส้นทางที่รออยู่ ซึ่งน่าจะทำให้กลุ่มรับเหมา/ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง/ กลุ่มธนาคาร มีสีสรร ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ NYMEX คงจะผ่าน US$50/barrel ค่อนข้างยากเช่นกัน เพราะยิ่งไต่ระดับสูงขึ้นเท่าไร ความเสี่ยงที่ผู้ผลิตน้ำมันดิบที่มีต้นทุนสูงจะกลับมาผลิต สร้างแรงกดดันต่อราคาและภาวะ OVersupply
          กลยุทธ์การลงทุน เราจึงยังคงแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็กเป็นสำคัญ เพราะ Upside ของตลาดค่อนข้างจำกัด หุ้นหลักน่าจะพักฐานรอบสั้น

Stock Pick of The Day
          1.  เก็งกำไร CK : ราคาปิด 27.50 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
          a)  MBKET คงมุมมองเชิงบวก และคาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะ Outperform ตลาดใน เดือน มิ.ย. จากความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ และรถไฟฟ้าสายสีส้ม – เหลือง – ชมพู 
          b)  CK อยู่ระหว่าง Roadshow ที่สิงคโปร์ และมี Feedback เชิงบวกจากนักลงทุนต่างชาติจากการ Roadshow ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ฮ่องกง
          c)  คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +10.9% yoy และ Downside Risk ค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก NAV ของการถือหุ้นใน 3 บริษัทลูก ได้แก่ BEM, TTW, CKP คิดเป็นมูลค่า 23.80 บาทต่อหุ้น 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีก US$588 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$520 ล้าน เป็นการซื้อสุทธิทุกตลาด

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง 
         
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,043 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 18,730 ล้านบาท
         
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 7 เร่งขึ้นเป็น 5,606 สัญญา รวม 7 วันทำการ Long สุทธิ 47,001 สัญญา คาดเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง ทำให้ยอดสุทธิ QTD สถานะคงการ Long สุทธิทะลุ 30,000 สัญญา เป็น 35,386 สัญญา ผลักดันให้ S50M16 กลับมาปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เท่ากับ 1.56 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.95 จุด  
         
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้งเพียงเล็กน้อย 716 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ มากถึง 5.39bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.06bps ปิดที่ 2.293%  

Short-Selling วานนี้ 
ลดลงเหลือ 645 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 780 ล้านบาท 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14 กระจุกตัวในการซื้อกลุ่มพลังงาน
          การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14 อีก 998 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,164 ล้านบาท รวม 14 วันทำการซื้อสุทธิ 15,614 ล้านบาท โดย NVDR กลับมาเน้นสะสมกลุ่มพลังงานเป็นกว่าครึ่ง

 
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง 
          การจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. เท่ากับ 1.73 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 1.75 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 1.66 แสนตำแหน่ง
          ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.67 แสนตำแหน่ง เท่ากับที่ตลาดคาด และใกล้เคียงสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.68 แสนตำแหน่ง

ยุโรป
         
ECB คงนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาดการณ์: อัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ที่ 0.0% อัตราดอกเบี้ยเงินฝากคงที่ที่ -0.4% ทั้งนี้วงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ 8.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน ECB จะเตรียมเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชนตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. เป็นต้นไป ทั้งนี้ประธาน ECB ให้ความเห็นต่อประสิทธิภาพของนโยบายการเงิน ณ ปัจจุบัน ทำได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ECB ยังต้องการดูผลที่เต็มที่ และต้องการให้น้ำหนักกับการปรับใช้นโยบายการเงิน ECB จะกลับมาประเมินผลของมาตรการกระตุ้นเหล่านี้อีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย. หลังเห็นข้อมูลด้านเศรษฐกิจ และตัวเลขคาดการณ์ 
         
ผลการประชุมโอเปกไม่มีคืบหน้า: ซาอุฯ ออกมาให้ความเห็นว่า หากราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่บริเวณ US$50/barrel ผู้ผลิต Shale oil และผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่มีต้นทุนสูงกว่า จะไม่สามารถเข้ามาร่วมผลิตน้ำมันได้ แต่หากราคาน้ำมันเหนือระดับดังกล่าว จะทำให้ปริมาณน้ำมันกลับมาสู่ระดับสูงและเกิดภาวะ Oversupply เหมือนเช่นใน 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ผลการประชุม ไม่มีการกำหนดเป้าหมายของการผลิต หลังสมาชิกปฎิเสธข้อเสนอที่จะกำหนดเพดานการผลิตใหม่ แต่กลับมีแนวคิดเป็นบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้น 

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          S&P คงอันดับความน่าเชื่อถืออินโดนีเซีย: อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศคงที่ที่ BB+ และแนวโน้ม “บวก” ทำให้มีโอกาสที่จะมีการปรับอันดับความน่าเชื่อถือขึ้นได้ในอนาคต ประเด็นสำคัญคือ การขาดดุลงบประมาณที่เป็นจำนวนมากใน 2-3 ปีจากนี้ไป และคุณภาพสินทรัพย์ของภาคเอกชนที่ลดลง กลายเป็นประเด็นที่ S&P ให้น้ำหนักและติดตามอย่างใกล้ชิด

ไทย
         
ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจเดือนพ.ค. ยังต่ำกว่า 50 จุดเป็นเดือนที่ 2: ธปท. เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนพ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 49.7 ทรงตัวใกล้กับระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และยังคงต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนความเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถึงแม้เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ยังคงกระจุกตัวในบางธุรกิจ ดังนั้นความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจจึงยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามองค์ประกอบด้านผลประกอบการและคำสั่งซื้อในประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มผลิตกระดาษและการพิมพ์
 
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 3 มิ.ย. 2559
 

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 มิ.ย. 2559 เวลา : 10:47:57

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 9:36 am