หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงานบมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2559 ราคาน้ำมันดิบพุ่งแตะระดับสูงสุดในปี 59 จากความกังวลต่ออุปทานที่ตึงตัวในไนจีเรีย และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ลดลง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงที่สุดของปี 59 โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่ตึงตัวจากเหตุการณ์การโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบในไนจีเรียที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
+ กลุ่มติดอาวุธ “ไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส” ปฏิเสธข้อเสนอการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลไนจีเรียเพื่อยุติเหตุโจมตีต่อเนื่องต่ออุตสาหกรรมน้ำมันในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ผ่านทาง “ทวิตเตอร์” เมื่อวันพุธ (8 มิ.ย.) พร้อมเผยว่าได้ระเบิดท่อน้ำมันดิบอีกแห่งหนึ่งของบริษัทเชฟรอน หลังจากที่ได้ก่อเหตุโจมตีในลักษณะที่คล้ายคลึงกันต่อท่อขนส่งน้ำมันของทั้งบริษัทเชลล์ และ ENI มาแล้ว ทั้งนี้ การโจมตีท่อขนส่งน้ำมันอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของไนจีเรียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา ปรับลดลงสู่ระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี
+/- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ (ณ วันที่ 3 มิ.ย.) ปรับลดลงกว่า 3.2 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สู่ระดับ 532.5 ล้านบาร์เรล โดยการปรับลดลงเป็นผลมาจากการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงและอัตราการกลั่นที่สูงขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูขับขี่ ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 65.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันเบนซินในคงคลังปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง
+ ค่าเงินดอลล่าสหรัฐฯ อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.และ ก.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากท่าทีของนางเจเน็ต เยลเลน ประธาน Fed ที่กล่าวปาฐกถาที่เมืองฟิลาเดลเฟียในวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่า Fed จะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่แข็งแกร่งพอ รวมไปถึงการประกาศตัวเลขจ้างงานที่แย่กว่าที่คาดไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากที่โรงกลั่นในเอเชียเหนือกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปออกมากเนื่องจากได้รับแรงโน้มน้าวจากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ประกอบกับความต้องการนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากความอุปสงค์จากเวียดนามและแอฟริกาใต้ ประกอบกับการส่งออกไปยังทวีปยุโรปที่เพิ่มขึ้น หลังจากโรงกลั่นในฝรั่งเศสไม่สามารถดำเนินการกลั่นได้ตามปกติ จากการประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายปฏิรูปแรงงานของกลุ่มสหภาพแรงงาน
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ หลังในสัปดาห์ล่าสุด Baker Huges รานงานจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ หลังราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นใกล้ระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง
การผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปก หลังในการประชุมโอเปกล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. กลุ่มโอเปกยังคงไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นเรื่องเพดานการผลิตน้ำมันดิบ เนื่องจากอิหร่านต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กลับไปอยู่ระดับเดิมก่อนที่จะถูกคว่ำบาตร ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณกำลังการผลิตจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากในเร็วนี้
ติดตามสถานการณ์ในประเทศไนจีเรีย หลังกลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลต้า อเวนเจอร์ส ยังคงเดินหน้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการใช้กองกำลังทหารโจมตีทั้งทางน้ำและทางอากาศสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบอย่างรุนแรง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบล่าสุดปรับลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปีที่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
.jpg)
ข่าวเด่น