ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
พณ.เผยจีนสร้าง 'ไชน่าแบรนด์'ป้อนผู้บริโภคในประเทศ ชี้โอกาสผู้ประกอบการไทยยังมี


 


จีนสร้าง “ไชน่าแบรนด์” ป้อนผู้บริโภคในประเทศ ชี้โอกาสผู้ประกอบการไทยยังมีเน้นวางแผนธุรกิจ เกาะกระแสท่องเที่ยว ตามเทรนด์ใหม่ สร้างความแตกต่างในธุรกิจตัวเอง

 
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยรายงานสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว ว่า การพัฒนาด้านเศรษฐกิจของจีนได้ดำเนินต่อไปท่ามกลางการปฏิรูปและการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ทั้งยังต้องเผชิญกับปัจจัยจากทั้งในและนอกประเทศ เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อดัชนีราคา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดหลักของการดำเนินการทางเศรษฐกิจของประเทศ

คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (National Development and Reform Commission) จึงได้มีการวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาในด้านต่างๆ อาทิ ในปีนี้ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP Deflator) ของจีนจะลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นผลจากอุตสาหกรรมขั้นที่ 2 หรือขั้นทุติยภูมิ (การผลิตอาหารสำเร็จรูป การผลิตเหล็กเส้น/เหล็กแผ่น การต่อเรือ การสร้างอาคารที่อยู่อาศัย ฯลฯ) ในจีนซบเซา เป็นผลมาจากการผลิตที่ล้นตลาดของเหล็กกล้า ถ่านหินและวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เป็นต้น

 
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยรวมจะค่อยๆ ฟื้นตัว แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตไปอย่างช้าๆ แต่การเติบโตของ CPI ของปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหาร ธุรกิจบริการ และอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงนโยบายการผ่อนปรนทางการเงิน เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจท่ามกลางการปรับโครงสร้าง

 
“การติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ ทิศทางของเศรษฐกิจและตลาด เพื่อสามารถวางแผนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ผู้ประกอบการไทยได้เปรียบด้านกระแสความนิยมท่องเที่ยวจากชาวจีน ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรหากลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนได้มากขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ อีกทั้งผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องติดตามเทรนด์ใหม่ๆ และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจตนเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งเป็นกระแสการท่องเที่ยวที่น่าจับตามอง” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว

นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน รายงานว่า จีนได้ให้ความสำคัญกับสินค้าแบรนด์ของจีนมากขึ้น โดยปัจจุบันสินค้าแบรนด์ของจีนได้รับความนิยมสูงและมีส่วนแบ่งในตลาดจากผู้บริโภคจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศจีนพบว่า มูลค่าของสินค้าประเภทจำหน่ายเร็วและมีต้นทุนต่ำ มีระยะเวลาบนชั้นวางสินค้าสั้น หรือ FMCG (A Fast-Moving Consumer Goods) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการอุปโภคบริโภคในอัตราสูง มักจะมีราคาถูก มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 4.7 ในปี 2558 ในจำนวนนี้สินค้าแบรนด์ของประเทศจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 6.2 ในขณะที่สินค้าแบรนด์ทั่วโลกเติบโตร้อยละ 3.4 โดยสินค้าประเภทที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ อาหารและเครื่องดื่ม

 
ปัจจุบันสินค้าอุปโภคและบริโภคของจีนมีความหลากหลายมากขึ้น มีผู้ผลิตสินค้าสัญชาติจีนรายใหม่เพิ่มขึ้น และมีศักยภาพไม่แพ้สินค้าแบรนด์จากต่างประเทศ อีกทั้งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตได้มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและขยายฐานผู้บริโภคไปสู่เมืองเล็กๆ ส่งผลให้การแข่งขันทางการตลาดเข้มข้นขึ้น

 
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวในตอนท้ายว่า “อย่างไรก็ตามโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยยังมีอยู่ เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีนอย่างท่องแท้ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาสินค้าและดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนให้เป็นที่ยอมรับให้ได้ รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าไทยจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ของตนเองในตลาดจีนให้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น”

 



 

บันทึกโดย : วันที่ : 09 มิ.ย. 2559 เวลา : 10:36:56

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 6:26 am