ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้ไต่ระดับขึ้นเด่น ทดสอบแนว 1,430 จุด ผลักดันด้วยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / พลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่พักฐานมาตลอด 2 สัปดาห์ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,430.80 จุด บวกเป็นวันที่ 3 อีก 8.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48,148 ล้านบาท
         
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 144 ล้านบาท Short สุทธิใน Set50 Index Futures 1,434 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เพียง 1,601 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ความเห็นของประธานเฟด ต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ติดตามการให้ความเห็นของประธานเฟด ต่อคณะกรรมการวุฒิสภาต่อในวันนี้
          - ประธาน ECB ส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการกระตุ้น หากผลประชามติออกมาเป็น Brexit
          - โพลล่าสุดพบว่า ออกจากอียู 44%, อยู่กับอียู 45% และยังไม่ตัดสินใจ 11%
          - ติดตามการประชุมกนง. บ่ายวันนี้ เราและ Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50% 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 21)
          เราคาดว่า SET INDEX มีโอกาสเปิดทดสอบด่าน 1,435 จุด +/- ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนควรพิจารณาขายทำกำไรรอบสั้น เพราะด่าน 1,440-1,450 จุด ยังไม่สามารถผ่านได้ในรอบนี้ อีกทั้ง 2 วันทำการข้างหน้ามีประเด็นเสี่ยงคือ การลงประชามติของชาวอังกฤษต่อกรณี Brexit ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยง – Safe Haven แกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลดังกล่าว รวมถึงกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเช่นกัน
          หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นเงินบวกเฉพาะตัว จะมีความโดดเด่นในวันนี้ ขณะที่หุ้นหลักจะเข้าสู่โหมดของการพักฐาน ยกเว้นหุ้นกลุ่มธนาคารที่เพิ่งฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 2 สัปดาห์ เราคาดว่าอาจมีการโยกเงินจากกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี เข้ากลุ่มธนาคาร หรือ Sector Rotation เพื่อเก็งกำไรต่อการประมาณการงบการเงิน 2Q59 ที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า อีกทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะทรงตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้ ย่อมทำให้การบริหารส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารขนาดใหญ่ (NIMs) มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น 
          กรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ เราคาดไว้ระหว่าง 1,425-1,435 จุด โดยระยะ 1,435 จุดขึ้นไป เป็นแนวของการขายทำกำไรหุ้นหลัก และกลับมาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว ด้วยวงเงินที่จำกัด

Stock Pick of The Day
          1.  สะสม ILINK : ราคาปิด 14.80 บาท ราคาเหมาะสม 21.20 บาท
          a)  MBKET เพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อ ILINK หลังชนะงานประมูลของ AOT วานนี้มูลค่า 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตัวปลดล็อกธุรกิจ EPC ให้กลับมาเดินหน้า หลัง Backlog ที่ลดลงในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็น Overhang ให้ราคาหุ้นลดลงถึง -43% ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา 
          b)  มี Catalyst รออยู่ต่อเนื่อง ได้แก่ งานประมูลสายไฟลงดิน มูลค่า 2.5 พันล้านบาท และงาน Submarine Cable มูลค่า 2.1 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะทราบผลการประมูลใน 2H59
          c)  กำไร 2Q59 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดว่ากำไร 2H59 จะเติบโตเด่นถึง +117% จาก 1H59 ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2559 เติบโตถึง +29.3% yoy เป็น 346 ล้านบาท ขณะที่ Valuation น่าสนใจ ที่ PER2559 ระดับ 14.8 เท่า และการนำบริษัทลูกคือ ITEL เข้า IPO ในปลายปี 2559 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะกลาง

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ลดลงเหลือ US$160 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$185 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ชัดเจน
          นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 144 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,882 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 28,946 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 1,434 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ S50M16 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 เท่ากับ 0.35 จุด แคบลงจากวันก่อนหน้าที่ Premium เท่ากับ 1.12 จุด โดยยอดสุทธิ QTD สถานะคงการ Long สุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 19,887 สัญญา  
          ส่วนนักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 ลดลงเหลือ 1,601 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 24,168 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 6 เพียง 0.06bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.23bps ปิดที่ 2.145% 

Short-Selling วานนี้ 
ลดลงเหลือ 945 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,059 ล้านบาท 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ทั้งนี้กลับมาลดน้ำหนัก SCB อย่างหนาแน่น จากก่อนหน้าที่สะสมหนาแน่นเช่นกัน
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีกเล็กน้อย 176 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 718 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,872 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่า NVDR กลับมาเลือกลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่น  

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
         
ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ช้าลง: ประธานเฟด Janet Yellen ยืนยันที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในอนาคต เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เฟด ส่งสัญญาณระมัดระวังในการขึ้นอัตราขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อใช้นโนยบายการเงินให้สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้หากเศรษฐกิจเติบโตในระดับปานกลาง ตลาดการจ้างงานกลับมาแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสู่เป้าหมาย 2.0% 

ยุโรป
          ไม่มี

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก         
 
อินเดียเตรียมผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนจากต่างชาติ: เพื่อเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าลงทุนในภาคเอกชนในอินเดียในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยเตรียมเปิดให้ธุรกิจด้านยาและเวชภัณฑ์ เข้าถือหุ้นได้ถึง 74% โดยไม่ต้องขออนุมัติจากทางการ เป็นต้น 
         
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ที่ 1.75% พร้อมรายงานการประชุมไม่ส่งสัญญาณที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ หลังเศรษฐกิจใน 1Q59 เติบโตดีกว่าที่คาด แม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตปานกลางใน 2Q59 แต่ภายในปีนี้ เศรษฐกิจจะเติบโตดีกว่าที่คาดเล็กน้อย 
          รายงานการประชุม BoJ ส่งสัญญาณกังวลต่อความเสี่ยงในต่างประเทศ: การประชุมวันที่ 27-28 เม.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกใน BoJ บางท่าน เริ่มส่งสัญญาณกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น และอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ BoJ พร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมแบบไม่ลังเล หากมีความจำเป็น 
          การส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน: ส่งออกลดลงเป็น 7.44 ล้านบาร์เรล/วัน เดือนเม.ย. จาก 7.54 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. เทียบกับระดับต่ำสุดก่อนหน้าที่ 7.36 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค. 2558 เนื่องจากบริษัทโรงกลั่นซื้อน้ำมันลดลงจากการปิดซ่อมบำรุง รวมถึงซาอุฯ นำน้ำมันมาผลิตกระแสไฟฟ้ามากขึ้น

ไทย
         
หอการค้าไทยคาดเศรษฐกิจปีนี้โต 3.5%: ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง จะขยายตัวได้ 3.3% และคาดทั้งทั้งปีจะขยายตัวตามเป้าหมาย 3.2-3.5% โดยได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มมีผลต่อการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจ นโยบายดอกเบี้ยต่ำที่ 1.50% ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง การส่งออกมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 2.6% ทำให้ทั้งปีกลับมาเป็นบวก 0.8% และเงินเฟ้อครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 0.9% ทั้งปี 0.4%
          
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ เดือนพ.ค. ฟื้นตัวขึ้น: ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 86.4 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 85 เนื่องจากเดือนพ.ค.เป็นช่วงการเปิดภาคเรียนของสถานศึกษา ทำให้มีคำสั่งซื้อและยอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อ ยอดขายและกำลังการผลิตโดยรวมปรับตัวดีขึ้น สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.7 ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 97.2 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่าการลงทุนของภาครัฐที่ผ่านมาโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานจะส่งผลดีต่อการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการในอนาคต และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 22 มิ.ย. 2559




 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 มิ.ย. 2559 เวลา : 10:02:16

25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 5:03 pm