ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้เปิดทะลุแนว 1,530 จุด ผลักดันด้วย BEM / PTT/ AOT แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรมากขึ้นเป็นลำดับในช่วงบ่าย เช่น KBANK/ BBL/ SCC เป็นต้น สวนทางกับภาพรวมในเอเชียและยุโรป กดดัน SET INDEX ปิดลบ 11.45 จุด มาอยู่ที่ 1,512.62 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 72,711 ล้านบาท
         
ต่างชาติยังคงเลือกซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 16 อีก 752 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 2,746 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 มากถึง 22,486 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - เงินทุนต่างชาติเลือกพักเงินช่วงสั้นในตลาดตราสารหนี้ไทย วานนี้ซื้อสุทธิมากกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท
          - ประเด็นการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค. ยังคงกดดันจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนภายในประเทศ
          - ติดตามการแถลงรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 28 ล้านล้านเยนของนายกฯ Abe 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 9)
          เราคาด SET INDEX วันนี้จะยังคงแกว่งลักษณะ Sideways-to-Sideways-Down เพื่อทดสอบแนวรับ 1,500-1,505 จุด กลุ่มที่ขึ้นมาโดดเด่นในช่วงก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร หรือ ICT จะยังคงอ่อนแอในมุมมองของเรา เพราะสถาบันภายในประเทศน่าจะทยอยขายทำกำไร เพื่อ Lock Profit และปิดความเสี่ยงต่อการลงประชามติในสุดสัปดาห์นี้ 
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอความร้อนแรงในการสะสมหุ้นไทย หลังเร่งสะสมไปแล้วกว่า 8.1 หมื่นล้านบาท YTD โดยนำเงินมาพักในตลาดตราสารหนี้ช่วงสั้น เพื่อรอดูทิศทางการลงทุน และผลการลงประชามติในสุดสัปดาห์นี้เช่นกัน 
          เราเชื่อว่านักลงทุนภายในประเทศต่างระมัดระวังต่อการลงทุนในรอบนี้ นอกจาก SET INDEX ที่ขึ้นมาแล้ว 17.44% YTD ความกังวลต่อผลการประชามติซึ่งไร้ทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ภาพรวม SET INDEX จะค่อยๆ ซึมตัวลง อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าการปรับฐานลงก่อนการลงประชามติ กลับกลายเป็นจังหวะของการทยอยสะสมอีกครั้ง บริเวณ 1,500 จุด เราแนะนำให้สะสม 1 ใน 3 ของเป้าหมาย และ 1,470-1,480 จุด หากเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ก็จะเป็นระดับที่น่าสนใจเพิ่มน้ำหนักตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเน้นหุ้นกลุ่ม Domestic Play ในพอร์ตหลัก
สำหรับกลยุทธ์ช่วงนี้ “กลับมาเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว” เพื่อหลบแรงขายจากสถาบัน

Strategy of the Day          
          1. สะสม BJC : ราคาปิด 44.00 บาท ราคาเหมาะสม 50.00 บาท
          a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวก หลัง บลจ.บัวหลวง รายงานการถือหุ้น BJC แตะระดับสูงกว่า 5% เป็น 5.6% 
          b) มีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะประกาศในวันที่ 11 ส.ค. เนื่องจากการเพิ่มทุนส่งผลให้ขนาด Market Cap เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 แสนล้านบาท หลังการเพิ่มทุนครั้งที่สองในสัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่เสร็จสิ้นการชำระเงินในวันที่ 4 ส.ค. 
          c) Valuation ยังถูกซื้อขาย PBV เพียง 1.7 เท่า เทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ราว 3 เท่า ดังนั้น หากอิง PBV ที่ 2.0 เท่าจะได้เป้าหมายที่ 50.00 บาท          
          2. เก็งกำไร LOXLEY : ราคาปิด 2.82 บาท ราคาเหมาะสม 3.34 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นขนาดกลางที่ผลประกอบการ 2Q59 เด่น จะ Outperform ในช่วงตลาดพักฐานได้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q59 จะพลิกกลับเป็นกำไรราว 80-90 ล้านบาท จาก 2Q59 ที่ขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาท 
          b) หากกำไร 2Q59 ออกมาใกล้กับคาดกำไรสุทธิ 1H59 จะอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท เท่ากับกำไรปี 2558 ทั้งปีที่ 209 ล้านบาท จึงเชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกจากผลประกอบการที่กลับมาขยายตัวเด่นในปี 2559 
          c) Downside Risk จำกัด เนื่องจากซื้อขายใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชีที่ 2.78 บาท และ Consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 3.34 บาท มี Upside 18% 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น US$856 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$316 ล้าน 
          ตลาดเวียดนามเป็นตลาดเดียวที่ถูกขายสุทธิ

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติกลับมาพักเงินในตลาดตราสารหนี้
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 16 ยังคงเบาบางเพียง 752 ล้านบาท รวม 16 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 40,000 ล้านบาท เป็น 41,713 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 80,000 ล้านบาท เป็น 81,632 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 ลดลงเหลือ 2,746 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 6,853 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้ทยอยปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง กดให้ QTD กลับมามีสถานะ Short อีกครั้ง 1,813 สัญญา กดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 10.11 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 5.74 จุด 
          แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง 22,486 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 28,451 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 3 ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงมากถึง 4.12bps จากวันก่อนหน้าลดลงเพียง 0.53bps ปิดที่ 2.070%

Short-Selling วานนี้ 
          เร่งขึ้นเป็น 952 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 573 ล้านบาท NVDR Movement

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 18 กลับมาสะสมกลุ่มพลังงานเดนอีกครั้ง
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิชะลอตัวลงเหลือ 1,737 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,901 ล้านบาท รวม 18 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 50,000 ล้านบาท เป็น 52,797 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาเน้นสะสมกลุ่มพลังงาน ขณะที่ยังทยอยลดน้ำหนักกลุ่มโรงพยาบาลต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นลบ
          ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนก.ค. เท่ากับ 52.9 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 51.3 ตุด จากคำสั่งซื้อใหม่ที่แข็งแกร่ง รวมถึงคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี 
          ดัชนี ISM ภาคการผลิต เดือนก.ค. เท่ากับ 52.6 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 53.2 จุด และชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.2 จุด อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อใหม่กลับแข็งแกร่งถึง 56.9 จุด สะท้อนถึงการจ้างงานในอนาคตที่จะดีขึ้น
          การใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง หดตัว 0.6% mom สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาด +0.6% mom และหดตัวลงแรงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -0.1% mom การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างบ้านเดียวลดลง 0.4% mom 

ยุโรป
          ดัชนี PMI ภาคการผลิตอียูลดลง: เดือนก.ค. เท่ากับ 52.0 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 52.8 จุด อย่างไรก็ตามดัชนีดังกล่าวสามารถยืนเหนือ 50.0 จุดได้เป็นเดือนที่ 37 ติดต่อกัน โดยการผลิตในเยอรมัน ออสเตรีย และเนเธอร์แลนด์ขยายตัวในเกณฑ์ที่เด่นสุด ส่วน ฝรั่งเศส และกรีซ กลับหดตัว
          EC เตรียมหารือกับสภาอียูเพื่อหยุดการให้เงินช่วยเหลือสเปนและโปรตุเกส: แม้ว่ารัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ไม่สามารถดำเนินการจัดการงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบที่อียูกำหนด แต่ทาง EC พิจารณาและไม่มีบทลงโทษ แต่จะมีการหารือในเดือนก.ย. เพื่อพิจารณาเงินกองทุนโครงสร้างของ 2 ประเทศ 

จีน          
          ทางการจีนเตรียมควบรวมกิจการธุรกิจเหล็กขนาดใหญ่ของรัฐ: ทางการจีนอยู่ระหว่างการพิจารราที่จะแก้ไขปัญหากำลังการผลิตเหล็กที่ล้นตลาด ด้วยการรวมกิจการของผู้ผลิตเหล็กขนาดใหญ่ 2 แห่งคือ Hebei Iron & Steel group เป็นโรงถลุงเหล็กใหญ่ที่สุดของจีน, Shougang group รวมกับ Northern China Steel group ส่วนผู้ผลิตลำดับที่ 2 อย่าง Shanghai Baosteel Group และ Wuhan Iron & Steel Group Corp จะรวมกับ Southern China Steel Group การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ผู้ผลิตเหล็กของจีนก้าวขึ้นสู่ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก
          ดัชนี PMI ภาคการผลิตต่ำกว่า 50 จุด: เดือนก.ค. เท่ากับ 49.9 จุด ลดลงจากเดือนมิ.ย.ที่ 50.0 จุด แต่ดัชนี Caixin PMI ภาคผลิตเดือนก.ค. ขยับขึ้นเป็น 50.6 จุด เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.6 จุด และเป็นครั้งแรกที่สูงกว่า 50 จุด นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2558 ทั้งนี้ ดัชนี Caixin จะเป็นการสำรวจภาคเอกชนที่มีขนาดธุรกิจเล็กกว่า PMI ปกติ

เอเชียแปซิฟิก
          ตัวเลขการผลิตเดือน ก.ค.ในเอเชียเป็นกลาง:
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 49.3 จุด จากเดือน มิ.ย. 49.0 จุด
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของไต้หวันเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด จากเดือน มิ.ย. 50.5 จุด
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของมาเลเซียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 48.1 จุด จากเดือน มิ.ย. 47.1 จุด
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของอินเดียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.8 จุด จากเดือน มิ.ย. 51.7 จุด
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของเกาหลีใต้ลดลงอยู่ที่ระดับ 50.1 จุด จากเดือน มิ.ย. 50.5 จุด
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของอินโดนีเซียลดลงอยู่ที่ระดับ 48.4 จุด จากเดือน มิ.ย. 51.9 จุด
          ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของเวียดนามลดลงอยู่ที่ระดับ 51.9 จุด จากเดือน มิ.ย. 52.6 จุด

ไทย
          สมคิด เตรียมเสนอโครงการพัฒนาพื้นที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูง: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมเพื่อจัดทำแผนการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ได้แก่ กทม.-นครราชสีมา, กทม.-ระยอง, กทม.-หัวหิน และ กทม.-เชียงใหม่ว่า เส้นทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง จะเป็นโครงการนำร่องในการพัฒนาพื้นที่เส้นทางรถไฟในเชิงพาณิชย์ เพราะมีหลายสถานีที่มีศักยภาพ โดยให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาผลตอบแทนทางการเงิน และจำนวนสถานีที่จะพัฒนาเพื่อบรรจุในเงื่อนไขการประมูล คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ
         
อัตราเงินเฟ้อของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4: ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.10% yoy ซึ่งต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.45% เทียบเดือนก่อนหน้าในเดือนก.ค. ที่ +0.35% มาจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้น 0.65% ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร ลดลง 0.84% โดยเฉพาะในหมวดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงจากนี้ไป ไม่น่าจะกลับไปติดลบแล้ว ยกเว้นว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงไปมาก โดยกระทรวงพาณิชย์จะปรับตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของปี 59 อีกครั้ง ในการแถลงข่าวเดือนหน้า แต่เชื่อว่าจะไม่ต่างจากกรอบคาดการณ์เดิม ที่คาดไว้ 0-1%

 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 2 ส.ค. 2559







 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ส.ค. 2559 เวลา : 10:42:33

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 7:29 am