ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 



ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ยังคงแกว่งในกรอบแคบ ระหว่าง 1,530-1,540 จุด แม้ว่าจะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นกว่า 50 ตัวก็ตาม ทั้งนี้หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวขยับเด่น เช่น BA / VGI/ THAI/ AOT เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,540.06 จุด บวก 0.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,661 ล้านบาท
เม็ดเงินต่างชาติชะลอต่อเนื่อง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เหลือ 637 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 5,986 สัญญา และกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง 2,251 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัว ปิดล่าสุด 2.150% 
          ครม.มีมติจัดตั้ง “ซุปเปอร์บอร์ด” เพื่อบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ 12 แห่ง รวมถึง AOT / KTB / THAI 
          ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ฟื้นตัวราว 1.46% หลังอิหร่านตอบรับว่าจะเข้าร่วมการประชุม OPEC ในครั้งถัดไป

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 7)
          ภาพการลงทุนในวันนี้ยังคงเป็นลักษณะ Sideways ระหว่าง 1,530-1,545 จุด เช่นเดียวกับวานนี้ เพราะขาดปัจจัยการลงทุนใหม่ทั้งบวก หรือ ลบ เพื่อกำหนดทิศทางการลงทุน ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูคือ ความเห็นของประธานเฟด Janet Yellen คืนวันศุกร์นี้ และ งาน Thailand Focus ในวันที่ 31 ส.ค. ถึง 2 ก.ย. ซึ่งผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศจะได้พบกับผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนกว่า 100 แห่ง เพื่อประเมินภาพการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี หลัง SET INDEX ขยับขึ้นมาแล้ว 19.57% YTD และ Valuation ของตลาดหุ้นไทยอยู่ใน “โซนแพงมาก” เมื่อเทียบกับ Forward PE เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง
          เมื่อบรรยากาศการลงทุนกลับมาไร้ทิศทางในช่วงนี้ ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ย่อมแกว่งในกรอบแคบ หากปรับตัวลงแรงก็อาจเกิด Technical rebound ได้บางส่วน เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นในวานนี้ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวจะมีความโดดเด่น เมื่อเทียบกับภาพรวมของ SET INDEX โดยรวมในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ 
          กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เรายังคงแนะนำให้เป็นลักษณะ “Contrarian คือขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ” เน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ 

Strategy of the Day          
          1. สะสม TPIPL : ราคาปิด 2.26 บาท ราคาเหมาะสม 2.85 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มปูนซีเมนต์ เนื่องจากคาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะค่อยๆดีขึ้นใน 2H59 และเติบโตในปี 2560 จากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัว 
          b) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ คือ การนำบริษัทลูกซึ่งดำเนินธุรกิจไฟฟ้าคือ TPIPP เข้าจะทะเบียน IPO ใน 4Q59 และ  เป็นการปลดล็อกมูลค่า Asset ที่สำคัญ และส่งผลให้ Overhang หมดไป เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะยกรายการส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ออกจากงบการเงิน เนื่องจากจะมีส่วนทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำลูกเข้า IPO
          c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านบาท และมี Upside Risk หากบริษัทยกเลิกรายการส่วนเกินทุนจะทำให้ค่าเสื่อมราคาตั้งแต่ปี 2559 ลดลงจากประมาณการถึงปีละ 1,300 ล้านบาท          
          2. สะสม TMB : ราคาปิด 2.30 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงโดยตรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H59 ส่งผลให้ความต้องการใช้สินเชื่อขยายตัว และคาดว่าการตั้งสำรองจะเริ่มลดลงใน 2H59 จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
          b) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวลง -4.9% เทียบกับ SET BANK +21.8% และ SET +19.5%
          c) Valuation ถูก ซื้อขายที่ PER2560 ต่ำเพียง 9.4 เท่า และ PBV2560 ที่ 1.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย –1SD ของ PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี จึงมี Downside Risk ของราคาหุ้นจำกัด

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง 
คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง US$6 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติชะลอการลงทุนในไทยเป็นวันที่ 2
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ลดลงเหลือ 637 ล้านบาท รวม 5 ซื้อสุทธิ 4,831 ล้านบาท และส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 109,311 ล้านบาท
          แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 5,986 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 6,138 สัญญา คาดว่าเป็นการเพิ่มสถานะ Short ต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิขยับขึ้นเป็น 25,324 สัญญา ภายใต้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เท่ากับ 3.51 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.73 จุด  
          ทั้งนี้ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 2,251 ล้านบาท ภายใต้ราคาพันธบัตรไทยแกว่งในกรอบแคบ ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 0.74bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 3,27bps ปิดที่ 2.150%

Short-Selling วานนี้ 
ขยับขึ้นเป็น 805 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 768 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 33 แต่เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก

          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเพียง 52 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,296 ล้านบาท รวม 33 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 75,000 ล้านบาท เป็น 75,971 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR ปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก ด้วยการลดน้ำหนักกลุ่มพลังงาน แต่เพิ่มน้ำหนักกลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาฯ 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น เดือนส.ค. เท่ากับ 52.1 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 53.2 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด โดยเดือนนี้เป็นการลดระดับสต็อกสินค้า สะท้อนกลับมายังการจ้างงานที่ชะลอ
          - ยอดขายบ้านใหม่ เดือนก.ค. เท่ากับ 6.54 แสนหลัง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 5.80 แสนหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 5.92 แสนหลัง หรือเพิ่มขึ้น 12.4% yoy ทั้งนี้เป็นผลจากการลดราคาของผู้ขายเฉลี่ย 5.1% เป็น US$294,600/หลัง
          - ดัชนี Richmond Fed ภาคการผลิต เดือนส.ค. เท่ากับ -11.0 จุด สวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่ 10.0 จุด คำสั่งซื้อใหม่ยังคงอ่อนแอ -20.0 จุด  ส่วน Backlog เท่ากับ -21.0 จุด 

ยุโรป
          เยอรมันยืนยันกลุ่มอียูจะผ่านไปได้ด้วยดีกับการ Brexit ของอังกฤษ: นายกฯ เยอรมัน กล่าวว่า อียูต้องการแสดงให้เห็นว่าการถอนตัวของอังกฤษจะยังให้ภาพของกลุ่มดูสดใส เราเคารพในการตัดสินใจของอังกฤษ แต่ประเทศสมาชิกในส่วนที่เหลือต้องการความชัดเจนว่าเราจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับยุโรป 
          ดัชนี PMI การผลิตและบริการของอียูเพิ่มขึ้น: เป็น 53.3 จุด ในเดือนส.ค. จาก 53.2 จุดในเดือนก.ค. สะท้อนการเติบโตของอียูยังต่อเนื่องใน 3Q59 ยังไม่เห็นผลกระทบจากกรณี Brexit 
          บริษัทเอกชนอียูเลือกที่จะไม่ใช่บริการธนาคารพาณิชย์ของอังกฤษ: ผลสำรวจ Greenwich Associates พบว่า 28% ของบริษัทในอียูมีแผนที่จะย้ายจากธนาคารพาณิชย์ของอังกฤษ 20% มีแผนย้ายธุรกิจไปยังธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับโลก ส่วน 8% ของบริษัทเอกชนในอังกฤา จะเพิ่มธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารพาณิชย์ในอังกฤษ ประเด็นสำคัญคือ ธนาคารพาณิชย์อังกฤษจะสามารถทำธุรกรรมในการขายผลิตภัณฑ์ และบริการได้อย่างอิสระทั่วอียูหรือไม่ หลังอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู ซึ่งผลสำรวจพบว่า มากกว่า 50% บริษัทเอกชนในอียูเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์อังกฤษจะมีข้อจำกัดมากขึ้น 

จีน
 
          จีนเตรียมให้เอกชนเข้าลงทุนในอุตฯ ที่หลากหลายมากขึ้น: รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติ นาย Hu Zucai กล่าวว่าข้อจำกัดทางการเมืองสำหรับการลงทุนภาคเอกชนจะถูกยกเลิกไป เพื่อเปิดให้มีการแข่งขันที่ยุติธรรม และกระตุ้นให้รัฐวิสาหกิจเข้ามามีส่วนร่วม 165 โครงการ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 โดยอุตฯ ที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเช่น ธุรกิจโทรคมนาคม, พลังงาน, นิวเคลียร์ เป็นต้น แต่อาจยังไม่ให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในสัดส่วนที่สูง

เอเชียแปซิฟิก
 
          ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ยังคงส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก: เพราะอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน ยังไม่อยู่ในจุดสมดุลย์ระหว่างความเสี่ยง กับ การกระตุ้นเงินเฟ้อ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจลดได้อีก 0.35% จาก ระดับปัจจุบัน เพื่อสร้างความสมดุลย์ระหว่างความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2.0% 
          ตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาซื้อขายขั้นต่ำ: เพื่อลดการเก็งกำไรที่หนาแน่น ราคาซื้อขายขั้นต่ำ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ S$0.20 สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ซื้อขายสำหรับหุ้นขนาดใหญ่ที่มี Market Cap ไม่ต่ำกว่า S$40 ล้าน เพราะขนาดหุ้นดังกล่าวจะมีสภาพคล่องที่ดี และความผันผวนที่ต่ำกว่าหุ้นที่มีขนาดเล็กกว่า 
          อัตราเงินเฟ้อสิงคโปร์หดตัวแรงกว่าคาด: ลดลง 0.7% yoy ในเดือน ก.ค. เท่ากับเดือนก่อนหน้า เทียบกับที่ Bloomberg Consensus คาด -0.5% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการลดลง 0.3% mom นำโดยราคาขนส่งที่ลดลง 3.5% yoy และราคาบ้านที่ลดลง 4.3% yoy ขณะที่ราคาค่ารักษาพยาบาล +0.4% yoy และราคาอาหาร +2.3% yoy 

ไทย
          ครม.เห็นชอบ 3 มาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณช่วง 4Q59: ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในช่วง 4Q59 ประกอบด้วยมาตรการที่ 1 มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 60 วงเงิน 31,500 ล้านบาท โดยในส่วนของงบรายจ่ายประจำนั้น จะต้องเร่งดำเนินการให้เบิกจ่ายได้ 33% ภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 60 หรือภายในสิ้นปี 59 ส่วนงบรายจ่ายลงทุนนั้น มาตรการที่ 2 โครงการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ซึ่งจะคล้ายกับมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยจะใช้งบประมาณ 23,000 ล้านบาท และมาตรการที่ 3 มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร โดยให้ใช้งบที่เหลือจ่ายจากปีงบประมาณ 59 มาใช้ในการดำเนินงาน

 
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ส.ค. 2559 เวลา : 10:10:16

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 4:35 am