ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้เปิดปรับฐานลงอย่างรวดเร็วหลุดแนวรับ 1,500-1,505 จุด ลงไปทดสอบแนว 1,475-1,480 จุด กดดันด้วยหุ้นหลักอย่าง SCC/ PTT/ KBANK / AOT / THAI แม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นแต่ก็เป็นไปอย่างจำกัด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 28.96 จุด มาอยู่ที่ 1,492.52 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 83,880 ล้านบาท
          เมื่อ SET INDEX ปรับฐาน ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยมากถึง 2,495 ล้านบาท แม้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 เพียง 1,516 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 3,358 ล้านบาทก็ตาม

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ตลาดหุ้น – ตลาดตราสารหนี้ – ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ ปิดคืนวานนี้ เนื่องด้วยวันแรงงาน
          - รัสเซียและซาอุดิอาระเบีย บรรลุข้อตกลงในการร่วมมือกันดูแลราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก 
          - ราคาน้ำมันดิบ Brent คืนวานนี้ดีดตัวขึ้น 1.71% dod ปิดที่ US$47.63/barrel
          - สถาบันภายในประเทศขายสุทธิมาตลอด 6 วันทำการ 10,875 ล้านบาท   

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 16)
          แม้ว่า SET INDEX จะปรับฐานลงแรงและหลุดแนว 1,500 จุดวานนี้ ทำให้สัญญาณทางเทคนิคกลับมาอ่อนแอในระยะสั้นอีกครั้งก็ตาม แต่เรายังเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย และปัจจัยพื้นฐานการลงทุน ณ บริเวณ 1,500 จุด คิดเป็น PER60 เท่ากับ 14.01x บน EPS Growth ที่ 12.7% yoy การตึงตัวของ Valuation ตลาดหุ้นไทยคลายตัวลงในระดับหนึ่ง
          อย่างไรก็ตาม เราประเมิน SET INDEX ช่วง 1-2 วันนี้จะเริ่มทรงตัวมากขึ้น เพื่อประเมินสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจัยต่างประเทศเรายังคงให้น้ำหนักกับการประชุม ECB วันที่ 8 ก.ย. ซึ่งมีโอกาสที่ ECB จะขยายอายุโครงการ QE ออกไปอีก 6 เดือนเป็นสิ้นสุดเดือนก.ย. 2560 รวมถึงรายงาน Beige Book ในคืนวันที่ 7 ก.ย. หากภาพรวมเศรษฐกิจ และการจ้างงานของ 12 เขตเศรษฐกิจ ทรงตัว ก็อาจทำให้โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ลดลงได้อีก จากปัจจุบัน 32% 
          ปัจจัยต่างประเทศ กอปรกับปัจจัยพื้นฐานการลงทุนที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้นไทย ทำให้เงินทุนต่างชาติต่างทยอยเข้าสะสมหุ้นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับดัชนี FTSE รอบนี้อย่าง SCC/ PTT แข็งแกร่งกว่าภาพรวม ขณะที่ KBANK เผชิญกับแรงขายจากสถาบันภายในประเทศในมุมมองของเรา มิใช่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานแต่อย่างใด
          กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงยืนยัน “สะสมที่เกี่ยวข้องกับ FTSE AP ex Japan หรือ FTSE Thailand” พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,485-1,505 จุดในวันนี้

Strategy of the Day          
          1. เก็งกำไร PTT : ราคาปิด 333.00 บาท ราคาเหมาะสม 358.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะตอบรับเชิงบวก จากราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ที่ไต่ระดับขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียตกลงร่วมกันว่าจะสร้างเสถียรภาพให้กับราคาน้ำมันในตลาดโลก นอกจากนั้น หุ้นกลุ่ม Global Play ยังได้รับผลกระทบที่จำกัดกว่าหุ้น Domestic Play จากความผันผวนของตลาดหุ้นในระยะสั้น 
          b) มีปัจจัยบวกรออยู่ในระยะสั้น คือการปรับเพิ่มน้ำหนักดัชนี FTSE ในวันที่ 16 ก.ย. โดยคาดว่า PTT จะได้อานิสงค์จากการปรับเพิ่มน้ำหนักในรอบนี้ราว US$100 ล้าน
          c) ราคาหุ้นปรับตัวลง 5% ใน 3 วันทำการที่ผ่านมา จึงเชื่อว่ามีโอกาสดีดกลับได้ และ Valuation ไม่แพงซื้อขายระดับ PER2560 เพียง 10.4 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 3.5% ต่อปี           
          2. เก็งกำไร TPOLY : ราคาปิด 3.46 บาท ราคาเหมาะสม 4.90 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นขนาดกลาง – เล็ก จะฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จำกัดจากแรงขายของกองทุนในประเทศในระยะสั้น
          a) TPOLY ถือหุ้น TPCH สัดส่วน 41.2%  จำนวน 165.5 ล้านหุ้น อิงราคาปิด TPCH วานนี้ที่ 18.10 บาท คิดเป็น Market NAV ต่อหุ้น TPOLY หุ้นละ 5.25 บาท 
          b) ราคาหุ้นมี Discount จาก Market NAV สูงถึง 34.5%  หากอิงเป้าหมาย TPCH ของเราที่ 21.10 บาท และให้ส่วนลด 20% จะเทียบเท่าราคาเป้าหมาย TPOLY ที่ 4.90 บาท มี Upside สูงถึง 41% สะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้น TPOLY ยัง Undervalue มาก 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง US$569 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$203 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติกลับสะสมหุ้นไทยอย่างหนาแน่น เมื่อเกิด Panic Sell
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 มากถึง 2,495 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 7,156 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นอีกเป็น 118,224 ล้านบาท
          แต่ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 อีกเพียง 1,516 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 9,934 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง เมื่อ S50U16 ปรับฐานลงหลุดแนว 950 จุด และระดับปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 3.81 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 2.64 จุด ทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 28,872 สัญญา   
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 3,358 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 4,676 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 9,661 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยกลับมาปรับฐานลงแรงอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 มากถึง 3.25bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.70bps ปิดที่ 2.273%

Short-Selling วานนี้ 
          ขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,777 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,162 ล้านบาท 

NVDR Movement
          NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 กระจุกตัวอยู่ใน 3 อันดับแรก
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 2,202 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 3,355 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 15,314 ล้านบาท โดย NVDR เน้นสะสมหุ้นหลัก 3 อันดับแรกมากกว่า 70% ของยอดซื้อสุทธิของ NVDR  

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ไม่มี
 
ยุโรป
          ดัชนี PMI ภาคบริการของอังกฤษฟื้นตัวเด่น: เดือนส.ค.เท่ากับ 52.9 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 47.4 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี และดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 50.0 จุด สะท้อนความคาดหวังที่ BoE จะผ่อนคลายมาตราการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปลายปีนี้ แต่ก็เป็นการเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ 
          นายกฯ สเปนยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านโหวตครั้งที่ 2: พรรคฝ่ายค้านตั้งแต่พรรคสังคมนิยม ไปจนถึงพรรค Podemos ยืนยันที่จะไม่สนับสนุนรักษาการนายกฯ Rajoy ในการโหวตรอบที่ 2 ขณะที่พรรคพันธมิตรอย่าง Ciudadanos เองก็จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของรักษาการนายกฯ เช่นกัน 
          กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอียูเริ่มชะลอตัว
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนส.ค. เท่ากับ 52.9 จุด ต่ำกว่า Reuters poll ที่ 53.3 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 53.2 จุด ทั้งนี้ระดับดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 
          - ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนส.ค.เท่ากับ 52.8 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด และต่ำกว่า Reuters poll ที่ 53.1 จุด ทั้งนี้ระดับดังกล่าวเท่ากับเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน 

จีน
          ดัชนี Caixin ภาคบริการยังคงยืนเหนือ 50.0 จุด: เดือนส.ค. เท่ากับ 52.1 จุด ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.7 จุด แต่ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบนี้ที่ 52.7 จุดในเดือนมิ.ย. สะท้อนกิจกรรมภาคธุรกิจยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับปานกลาง รวมถึงผลผลิตทั้งภาคการผลิตและบริการในเดือนส.ค.
          การประชุม G-20 ตกลงร่วมกันในด้านเศรษฐกิจ: ในที่ประชุมผู้นำ G-20 วันแรก ตกลงที่จะร่วมมือกันทางด้านนโยบายเศรษฐกิจ แต่ก็มีเพียงแนวทางที่ชัดเจนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เกิดขึ้นในการประชุม เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงและเขตการค้าเสรี ทั้งนี้ผู้นำจีนเป็นผู้กระตุ้นให้ผู้นำด้านเศรษฐกิจผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นตัวผลักดันการเติบโต ก่อให้เกิดการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพียงใช้นโยบายการคลังและการเงินเท่านั้น 

เอเชียแปซิฟิก
          รัสเซียเห็นด้วยกับการที่อิหร่านจะกลับมาผลิตน้ำมันในระดับก่อนเกิดมาตรการคว่ำบาตร: ประธานาธิบดี รัสเซีย ให้ความเห็นว่าการให้อิหร่านกลับมาผลิตน้ำมันในระดับก่อนหน้าเกิดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก็ถือว่ามีความยุติธรรม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบันยังไม่ใช่ราคาที่เหมาะสม  
          ประธาน BoJ ยืนยันพร้อมเพิ่มมาตรการมากขึ้น รวมถึงแนวทางใหม่ๆ: ผู้ว่าการ BoJ นาย Kuroda ส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ด้วยการใช้นโยบายที่มีอยู่รวมถึงเครื่องมือใหม่ๆ โดย BoJ จะมีการประเมินผลอย่างเข้มงวดในมาตรการต่างๆ ที่ใช้ไปแล้วในการประชุมปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ตามการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินในระยะกลาง รวมถึงความเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงิน 

ไทย
          ไม่มี

         
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 6 ก.ย. 2559



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ก.ย. 2559 เวลา : 10:12:10

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 5:37 am