ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
สธ.เผยผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากกินเอแคลร์กลับบ้านแล้ว 32 คน รอสังเกตอาการ 6คน


 


โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แนะก่อนซื้อขนมควรดูฉลากบอกวันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุอย่างชัดเจน               เลือกซื้อจากร้านที่มีการผลิตสดใหม่ เก็บรักษาในภาชนะที่สะอาด ไม่บูดเสียง่าย ไม่เสี่ยงโรคอาหารเป็นพิษ                         ผู้ป่วยกินขนมเอแคลร์ รักษาตัวที่โรงพยาบาลน่าน 38 คน กลับบ้านแล้ว 32 คน นอนสังเกตอาการ 6 คน                       ไม่มีอาการรุนแรง ขณะนี้รอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและคุ้มครองผู้บริโภค

วันนี้( 22 กันยายน 2559) นายแพทย์สุวรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย โฆษกกระทรวงสาธารณสุขและ                 รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีมีประชาชนที่รับประทานขนมเอแคลร์ ระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา โดยภายหลังการรับประทานเข้าไปแล้วเกิดอาหารเป็นพิษ มีลักษณะอาการ   ปวดท้อง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลน่าน 38 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ  แพทย์ให้การรักษาตัวอาการดีขึ้นให้กลับบ้านแล้ว 32 คน ยังคงนอนพักสังเกตอาการ 6 คน เป็นเพศหญิง 4 คน เพศชาย 2 คน (ผู้ใหญ่ 1 คน เด็ก 1 คน)

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนโรคโดยการซักประวัติจากผู้ป่วยทุกรายทราบว่าขนมเอแครล์ดังกล่าว ได้ซื้อมาจากร้านค้าปลีก ร้านชำในหมู่บ้าน ที่ซื้อมาจากศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบขายส่ง  แหล่งเดียวกันในจังหวัดน่าน โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่านได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งตรวจ   ทางห้องปฏิบัติการ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตรวจวิเคราะห์เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการตามกฎหมาย และเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป

สำหรับ ขนมเอแคลร์ เป็นขนมที่มีส่วนประกอบของนม ไข่ ไขมันจากเนย เป็นอาหารที่บูดเสียง่าย                        หากเก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสมหรือมีกระบวนการผลิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า       ว่าบูดเสียหรือไม่ จะทราบว่าบูดเสียก็ต่อเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วมีรสเปรี้ยว ดังนั้นควรเลือกซื้อจากร้านที่มีการผลิตสดใหม่ เปลือกพองสม่ำเสมอหน้าขนมไม่แตก แช่เย็นตลอดเวลาจำหน่าย บรรจุในภาชนะที่สะอาดและควรมีฉลากบอกวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุอย่างชัดเจน หากรับประทานไม่หมดควรแช่ตู้เย็นทันที               
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ก.ย. 2559 เวลา : 14:05:29

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 2:58 am