ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ยังคงแกว่งในกรอบแคบ 1,490-1,500 จุด กลุ่มโรงพยาบาลยังคงขึ้นเด่นเช่นเดียวกับกลุ่มอาหาร ขณะที่กลุ่ม Global Play อย่างกลุ่มพลังงานพักฐานต่อเนื่อง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,295.72 จุด บวกเล็กน้อย 1.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 40,894 ล้านบาท 
          ทั้งนี้ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เร่งขึ้นเป็น 2,450 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 2,959 ล้านบาท ขณะที่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,096 สัญญา

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ติดตามผลการประชุม BoJ วันนี้ 
          - ติดตามการประชุมครม.วันนี้ อาจพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง
          - ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.ของไทยวันนี้
          - ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทำระดับปิดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
          - ติดตามรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนต.ค.ของจีนในวันนี้

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 26)
          เรายังคงประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,490-1,500 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายเบาบางต่อเนื่อง ปัจจัยที่จะทำให้ SET INDEX ทะลุแนว 1,500 จุด ขึ้นอยู่กับผลการประชุมธนาคาร 3 แห่งในสัปดาห์นี้ เริ่มตั้งแต่ BoJ วันนี้ / เฟดคืนวันพรุ่งนี้ / BoE วันพุธที่ 2 พ.ย. หากมีธนาคารกลางใดธนาคารกลางหนึ่งเพิ่มมาตรการกระตุ้นเข้าไปในระบบ หรือเฟดส่งสัญญาณเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้น อาจทำให้ตลาดคลายความกังวลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด เงินทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้นได้
          แต่อย่างไรก็ตามแนวต้าน 1,520 จุด +/- ยังไม่สามารถผ่านได้ในรอบนี้เช่นกัน เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. 
          ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาขายทำกำไรเมื่อ SET INDEX ทะลุ 1,500 จุด และกลับมาถือเงินสดมากขึ้น ณ ระดับดัชนีดังกล่าว 
          เราประเมินกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร มีแนวโน้มเด่น จากการเก็งกำไรต่อผลการประชุมครม.วันนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาโครการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง นอกจากนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มได้เริ่มขายซองประกวดราคาตั้งแต่วานนี้ เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มดังกล่าวในช่วงนี้ 

Strategy of the Day
          1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.10 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TMB และคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะปรับตัวขึ้น qoq จาก Credit Cost ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของ NPL ใหม่เริ่มชะลอตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
          b) ผู้บริหารตั้งเป้า Credit Cost ปี 2560 จะไม่สูงกว่าปี 2559 ที่ระดับ 1.5% เป็นสัญญาณบวกว่า NPL กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในปี 2559 และมีทิศทางลดลงในปี 2560 
          c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +23.9% yoy เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท และมี Downside Risk จำกัดบริเวณ 2.00 บาท เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.0 เท่า เป็นระดับ -2SD รวมทั้งราคาหุ้น Underperform กลุ่มธนาคารมากในปี 2559 โดย YTD ราคาหุ้น TMB -13.3% สวนทางกลุ่มธนาคารที่ +12.7% 

Fund Flow Analysis

          Fund Flow in Emerging Markets
          ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก US$180 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$78 ล้าน  

          Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
          นักลงทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เร่งขึ้นเป็น 2,450 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิ 6,999 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงอีกเป็น 114,409 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index futures นั้นนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 2,096 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 แคบลงเหลือ 1.56 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 3.62 จุด ส่งผลให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิลดลงเหลือ 7,900 สัญญา 
          อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 2,959 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 5,499 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 24,906 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลง 1.78bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 4.73bps ปิดที่ 2.148%

Short-Selling วานนี้ 
          ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 521 ล้านบาทจากวันก่อนหน้า 751 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 51 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 57 หลักทรัพย์ NVDR Movement
          NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง เน้นกลุ่ม Domestic Play นำโดยกลุ่มธนาคาร
          การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 1,028 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 244 ล้านบาท โดยกระจายการสะสมไปในกลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 239 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ 175 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง 175 ล้านบาท แต่ขายสุทธิกลุ่มพลังงานสูงสุดเพียง 73 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นกลาง
          - รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.3% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้า 0.2% mom โดยค่าจ้างและเงินเดือนเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด 
          - การใช้จ่ายส่วนบุคคล เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5% mom เท่ากับ Bloomberg consensus และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้า -0.1% mom จากยอดขายยานยนต์เป็นสำคัญ

ยุโรป
          อังกฤษต้องการความเป็นอิสระในการเข้าถึงตลาดอียูหลัง Brexit: โฆษกรัฐบาลอังกฤษ แจ้งว่ารัฐบาลมีความพยายามที่จะหาแนวทางในความเป็นอิสระของการทำธุรกิจที่ดำเนินกิจการในอียู เพื่อให้อังกฤษเป็นผู้นำในการค้าเสรีของโลก และเอกชนของอังกฤษจะมีความเป็นอิสระสูงสุดในการค้าและการดำเนินธุรกิจกับอียู 
          ผู้ว่าการ BoE จะอยู่ทำงานต่ออีก 1 ปี: นาย Mark Carney ตัดสินใจอยู่ทำงานต่อให้กับ BoE ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 2562 เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนถ่ายของ Brexit มีความราบรื่น ทั้งนี้นาย Carney มีทางเลือกที่จะอยู่ต่อถึงสิ้นปี 2564 
          ตัวเลขเศรษฐกิจอียูยังไม่สดใส: 
          - GDP ใน 3Q59 เติบโต 0.3% qoq และ 1.6% yoy เท่ากับการเติบโตใน 2Q59 และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์
          - อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ 0.4% yoy และ 0.2%% yoy ในเดือนส.ค. นได้หรือไม่ ทั้งนี้ดัชนีราคาพลังงานยังหดตัว 0.9% yoy แม้ว่าจะหดตัวชะลอจากเดือนก.ย.ที่ -3.0% yoy ก็ตาม

จีน
          จีน – ฝรั่งเศส ตั้งกองทุนร่วมกันเพื่อลงทุนในต่างประเทศ: รมว.ต่างประเทศของฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสและจีนเตรียมจัดตั้งกองทุนร่วมกันเพื่อลงทุนในต่างประเทศ  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของจีนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระตุ้นการเติบโต เช่นเดียวกับโครงการ US$2.4 หมื่นล้านที่ฝรั่งเศสและจีนร่วมกันก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอังกฤษ 
          จีนเตรียมลงทุน US$1.40 แสนล้าน เพื่อย้ายที่อยู่ของผู้ยากจน: รัฐบาลจีน ประกาศแผนการลงทุน 9.463 แสนล้านหยวนภายในปี 2563 ด้วยการผู้ยากจนออกจากดินแดนไกลและอยู่ภายในแผ่นดินสู่พื้นที่ที่พัฒนามากกว่า ตั้งเป้า 10 ล้านคนที่จะได้รับการโยกย้ายครั้งนี้ โดย 2 ล้านคนคาดว่าจะมีการย้ายภายในปีนี้ โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะเป็นการสร้างบ้าน สร้างสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้ยากจนที่จะมีการย้ายเข้าไปในเขตใหม่ 

เอเชียแปซิฟิก
          ไม่มี

ไทย
          สศอ.เตรียมทบทวนเป้า MPI และ GDP ภาคอุตฯ ปีนี้: สศอ.อาจจะมีการทบทวนเป้าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ทั้งปี และ ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ของภาคอุตสาหกรรมปี 59 จากเดิมที่คาดว่า MPI ทั้งปีจะเติบโต 1-2% ส่วน GDP ภาคอุตสาหกรรมจะเติบโต 1.5-2.5% แต่ก็มั่นใจว่าทั้งปีจะยังเป็นบวก
          ธปท.ระบุเศรษฐกิจเดือนก.ย. ขยายตัวดีขึ้นจากส.ค.: ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.59 ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังขยายตัวดีและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ประกอบกับมูลค่าการส่งออกปรับดีขึ้นพร้อมกันหลายสินค้า จึงช่วยชดเชยภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มได้รับผลจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ สำหรับการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นบ้างในบางธุรกิจ สะท้อนจากการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออก ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอลงบ้าง เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาตามการใช้จ่ายหมวดสินค้าไม่คงทน ทั้งนี้เศรษฐกิจใน 3Q59 คาดเติบโตใกล้เคียง 2Q59 หรือต่ำกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม รายได้จากการท่องเที่ยวที่อาจพลาดเป้าจะกลายเป็นตัวแปรกดดัน GDP ในปีนี้
 

 โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 1 พ.ย. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 พ.ย. 2559 เวลา : 10:38:02

24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 8:21 am