ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยซัมซุง ปลื้มนำระบบไอทีจัดการโลจิสติกส์ เสริมแกร่งธุรกิจเต็มสูบ ลดเวลา-ค่าใช้จ่าย


 


ไทยซัมซุง ปลื้มนำระบบไอทีจัดการโลจิสติกส์ เสริมแกร่งธุรกิจเต็มสูบ ลดเวลา-ค่าใช้จ่าย  พร้อมเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ยกศักยภาพด้านโลจิสติกส์

ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์   นำระบบ G-ERP : Global Enterprise Resource Planning เป็นฐานข้อมูลหลักในการบริหารงานด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน สามารถลดการใช้กระดาษทุกกระบวนการตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อโดยใช้ระบบย่อยคือ GSRM : Global Supplier Relationship Management เชื่อมโยงคำสั่งซื้อของซัพพลายเออร์  ตรวจสอบสต็อก ส่งข้อมูลการสั่งซื้อ และส่งวัตถุดิบหรือสินค้า รวมถึงกระบวนการนำเข้าวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานเพื่อผลิตสินค้า   ชี้เดิมใช้เวลาจัดการสั่งซื้อจากวัตถุดิบมากกว่า 1 สัปดาห์ เหลือเพียง 1-2 วัน  เพื่อวางแผนก่อนการผลิตทั้งหมด  พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมโครงการฯ  หวังกระตุ้นการจัดการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพเพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตยั่งยืน  ด้านสำนักโลจิสติกส์ เร่งเครื่องผลักดันยุทธศาสตร์สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเน้นจัดการโลจิสติกส์ซัพพลายเชน  เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุน 
 
นางกิ่งกนก พรมภา ผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ จำกัด  เปิดเผยว่า  ในปีนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประกวดรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ดำเนินการโดยกระทรวงอุตสาหกรรม คัดเลือกผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่มีการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ 5 ประการ ได้แก่ (1) การกำหนดกลยุทธ์สถานประกอบการ  (2) การวางแผนและความสามารถในการปฏิบัติงาน  (3) ประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านโลจิสติกส์   (4) ระบบบริหารข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศ  และ (5) ความร่วมมือกับองค์กรภายนอก  ซึ่งจุดแข็งที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลจากผลการพิจารณาของกรรมการ คือ บริษัทฯ มีการกำหนดกลยุทธ์โดยมีนโยบาย แผนการดำเนินงาน  วางกลยุทธ์ในทุกส่วนงาน และการประเมินผลการทำงานทุกขั้นตอน   ทั้งยังมีระบบการติดตามสถานะของสินค้าคงคลังพัฒนาเป็นระบบ  พร้อมยังมีการจัดทำแผนด้านการขนส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ(Overseas Transport/ Export)  ทางด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านโลจิสติกส์ทางบริษัทฯ มีการกำหนดเวลาการส่งมอบสินค้าชัดเจน  เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตโดยมีข้อตกลงร่วมกับลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนรับผลิต   
 

“ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่ทางบริษัทฯ ได้ใช้นี้มีประสิทธิภาพส่งผลให้การดำเนินงานได้ตามเป้าหมายตั้งแต่กระบวนการรับออเดอร์ก่อนผลิต  จนถึงการจัดส่งสินค้า ทุกกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีซึ่งเปรียบเทียบกับแต่เดิมที่ไม่ได้มีระบบการจัดการแบบนี้ ต้องใช้เวลาส่งเอกสาร ตรวจสอบวัตถุดิบการผลิตต่างๆ มากกว่า 1 สัปดาห์  แต่เมื่อนำระบบมาใช้สามารถลดกระบวนการทำงานเหลือเพียง 1-2 วัน  เพื่อวางแผนก่อนการผลิตทั้งหมดล่าสุดบริษัทฯ ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2559 ประเภทการจัดการโลจิสติกส์ในครั้งนี้  ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพสร้างความมั่นให้แก่ลูกค้าที่จะทำให้เราสามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา เพราะมีระบบการบริหารจัดการตั้งแต่การวางแผนก่อนการผลิตจนถึงการส่งมอบงานได้ตามกำหนด”  กิ่งกนก  กล่าว

บริษัทฯ เป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ  เครื่องซักผ้า ตู้อบไมโครเวฟ และเครื่องล้างจาน  โดยเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2531 ภายใต้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีสำนักงานใหญ่ตั้งที่ประเทศเกาหลีใต้และเป็นส่วนรับคำสั่งซื้อหลัก  ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตให้แก่กลุ่มประเทศทางโซนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้  ตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ  บริษัทฯ มีบุคลากรรวมทั้งสิ้น 4,159 คน ถือเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในเครือซัมซุงเพื่อการส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันเดินเครื่องการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทันต่อการส่งสินค้าไปจำหน่ายใน 126 ประเทศ โดยการผลิต 90% เพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ 10%    

 
“สำหรับกำลังการผลิตในปัจจุบันพบว่า สามารถผลิตตู้เย็นได้ 220 ล้านเครื่องต่อปี เครื่องซักผ้า 200 ล้านเครื่องต่อปี ตู้อบไมโครเวฟ 160 ล้านเครื่องต่อปี แอร์ 250 ล้านชุดต่อปี  นอกจากนั้นยังผลิตเครื่องล้างจานได้ไม่น้อยกว่า  34 ล้านเครื่องต่อปีอีกด้วย  ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดนวัตกรรมใหม่  พร้อมยังได้พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้วยองค์ความรู้ใหม่อย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้”  กิ่งกนก  กล่าว
นอกจากนี้ทางด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน (Logistics and Supply Chain)  บริษัทฯ ได้นำระบบ G-ERP : Global Enterprise Resource Planning เข้ามาเชื่อมโยงทุกกระบวนการทำงานซึ่งไม่ต้องใช้กระดาษ ตั้งแต่การรับออเดอร์  ตรวจสอบสต็อก ส่งข้อมูลการสั่งซื้อ และส่งวัตถุดิบหรือสินค้า รวมถึงกระบวนการนำเข้าวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานเพื่อผลิตสินค้า  โดยระบบการบริหารคำสั่งซื้อจากลูกค้าของซัมซุง  แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มบริษัทในเครือซัมซุง จะใช้ฟังก์ชั่นการทำงานเดียวกับ G-ERP  ส่วนกลุ่มคู่ค้าอื่นจะใช้เว็บไซต์เชื่อมโยงข้อมมูลออเดอร์ลูกค้าเข้ามาในระบบ ลูกค้าสามารถติดตามคำสั่งซื้อ ติดตามสถานนะสินค้าในระบบ (Tacking Container) และรอรับสินค้าปลายทาง  บริษัทฯ ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ซัมซุงเป็นหลัก และอีก 10-15% เป็นการผลิตแบบ (OEM) 

“วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ของซัมซุง กว่า 70% เป็นวัตถุดิบภายในประเทศ เนื่องจากสนับสนุนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และเพื่อให้ได้ถิ่นกำเนิดสินค้าตามสิทธิประโยชน์ทางการค้าและภาษี  นอกจากนี้ในการกระบวนการผลิตได้นำหุ่นยนต์มาใช้ลำเลียงวัตถุดิบเข้าสู่ไลน์การผลิต  ซึ่งไม่ต้องใช้คนทำให้ลดการใช้แรงงาน  แล้วนำคนในส่วนนี้ไปทำงานที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้ เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้า เป็นต้น  ทั้งนี้ในการวัดและประเมินผลมีการกำหนด KPI ในด้านความผิดพลาด  การส่งสินค้าได้ตามกำหนด ซึ่งทุกส่วนงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด”  กิ่งกนก กล่าว

พร้อมกันนี้ยังมีระบบบริหารข้อมูลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(IT) ซึ่งมีระบบรหัสมาตรฐานการติดตาม ระบุและรายงานสถานะตั้งแต่วัตถุดิบในการผลิต  จนถึงระบบสต็อก และส่งสินค้าไปยังลูกค้า  โดยใช้ระบบการจัดการในการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนกับลูกค้า กับซัพพลายเออร์   รวมทั้งยังได้นำมาตรฐานบาร์โค้ด(Barcode) , RFID มาใช้ในการปฏิบัติงานและขยายไปให้ลูกค้าใช้ได้ด้วย และยังมีระบบ Business Intelligent  ซึ่งระบบการจัดการนี้ทำให้สามารถวิเคราะห์ต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย  ทั้งยังมีระบบการฝึกอบรมบุคลากรผ่านเว็บไซต์ในการแบ่งปันองค์ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น ด้านการผลิต  ด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น  

กิ่งกนก กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในองค์กรมีความสำคัญมาก เท่าที่ทราบภาครัฐโดยสำนักโลจิสติกส์มีโครงการดีๆสนับสนุนผู้ประกอบการ  ในฐานะองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกได้รับรางวัลในครั้งนี้ก็ยังจะขอเชิญชวนองค์กรต่างๆ เข้าร่วมโครงการในปีต่อๆ ไป   ซึ่งจากการเข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้นอกจากได้รับรางวัลแล้ว ทางบริษัทฯ ได้นำองค์ความรู้และหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ทางสำนักฯ นำประเมินการดำเนินงาน ซึ่งบางส่วนทางบริษัทฯ มีอยู่แล้วแต่บางส่วนสามารถนำมาเสริมได้ เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นางดวงกมล สุริยฉัตร ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า  สำหรับการจัดการโลจิสติกส์ถือเป็นกระบวนการวางแผนการดำเนินงาน  การควบคุมการเคลื่อนไหว และจัดเก็บของสินค้าบริการ รวมทั้งข้อมูลสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ  ตั้งแต่แหล่งผลิตไปสู่การบริโภคเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า   โดยการนำระบบการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่มาเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ภาคอุตสาหกรรมนับเป็นสิ่งสำคัญ  ดังนั้นหากองค์กรที่มีการวางแผนและกลยุทธ์ที่ดีตลอดจนสามารถถ่ายทอดลงไปสู่การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ในการจัดการด้านโลจิสติกส์อย่างสอดคล้องเหมาะสมจะทำให้องค์กรสามารถลดต้นทุน  เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอย่างมาก  รวมถึงยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า   

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 พ.ย. 2559 เวลา : 13:00:33

23-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 23, 2024, 1:13 pm