ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 



หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ยังคงเผชิญกับแรงขายหุ้นหลักทั้งในกลุ่มพลังงาน, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มขนส่ง นำโดย PTT / AOT/ SCC อีกทั้งตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP อย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ปรับฐานลงแรงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ กดดันจิตวิทยาการลงทุน หลุดแนวรับ 1,480 จุดลงมาปิด ณ สิ้นวันที่ 1,469.23 จุด ลดลง 25.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58,166 ล้านบาท
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 16 ชะลอเป็น 2,553 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 16,442 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้อีก 18,747 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          MSCI ประกาศปรับดัชนี โดยมีผล ณ ราคาปิดวันที่ 30 พ.ย.
          - MSCI Thailand: 
          - เพิ่ม BJC / KCE 
          - ออก: ไม่มี
          MSCI Global Small Cap
          - เพิ่ม: COM7, MALEE, TKN, TFG
          - ออก: ASP, BJCHI, CBG, COL, CGD, DNA, KCE, ROJNA
          ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง – Technical Rebound (วันที่ 6)
          SET INDEX ปรับฐานหลุดแนว 1,480 จุด จากการปรับพอร์ตการลงทุนของต่างชาติ และความกังวลต่อเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ ดำเนินมาเป็นวันที่ 16 วันทำการ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ายอดขายสุทธิในแต่ละตลาดเริ่มชะลอตัว รวมถึงตลาดหุ้นไทยและตลาดตราสารหนี้ไทย เราประเมินแนวรับถัดไป 1,450 -1,460 จุด จะทำงานได้แข็งแกร่ง พร้อมให้โอกาสเกิด Technical Rebound บริเวณนี้ เพราะปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ ยังคงแข็งแกร่ง และไม่ได้รับกระทบจากนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump 
          เราประเมินว่า กองทุนต่างชาติที่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย เป็นเพียงการปรับพอร์ต และ Lock-in-Profit เท่านั้น โดยที่กลับไปถือเงินสดรอการประเมินนโยบายด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศของนาย Trump ซึ่งจุดสำคัญอยู่ที่ทีมงานด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และความมั่นคง เราคาดว่านาย Trump จะทยอยประกาศรายชื่อทีมงานส่วนนี้ในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ไป ขณะที่ต่างชาติลดน้ำหนักมาตลอด 3 สัปดาห์ น่าจะใกล้ระดับที่ต้องการ เราจึงควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทต่อเนื่อง
          กลยุทธ์การลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play” และเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการปรับดัชนี MSCI รอบ 6 เดือนนี้

Strategy of the Day          
          1. เก็งกำไร BJC : ราคาปิด 52.25 บาท เป้าหมายทางเทคนิค 55.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น BJC จะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะมีการปรับน้ำหนักในวันที่ 30 พ.ย. ส่งผลให้กองทุนต่างชาติที่ลงทุนโดยใช้ดัชนี MSCI เป็น Benchmark ต้องปรับน้ำหนักเพิ่ม BJC เข้าสู่พอร์ตลงทุน  
          b) คาดกำไรปกติ 4Q59 จะเติบโตต่อทั้ง yoy & qoq และเป็นระดับสูงสุดของปี เนื่องจากเป็น High Season ของทั้ง BJC และ BIGC และเป็นไตรมาสแรกที่จะได้ประโยชน์เต็มที่จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงแบบเต็มไตรมาส 
          c) เป็นหุ้นที่กำไรสุทธิปี 2560 จะเติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตถึง +85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท และ Valuation ยังไม่แพง ซื้อขายที่ PBV2560 ระดับ 1.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 4.0 เท่า
          2. สะสม SCB : ราคาปิด 138.00 บาท เป้าหมายทางเทคนิค 169.00 บาท
          a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับฐานลงเนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจะเป็นปัจจัยลบเพียงระยะสั้น และเชื่อว่าท้ายที่สุด หลังเสร็จสิ้นการปรับพอร์ตแล้ว กระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่ และประเมินว่าค่าเงิน Dollar ในระยะกลางจะกลับมาทิศทางอ่อนค่า จากการขาดดุลการค้าและดุลงบประมาณของสหรัฐฯที่จะเพิ่มขึ้น
          b) มี Catalyst รออยู่ โดยคาดว่าศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ใน 4Q59 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ SCB จะกลับสำรองหนี้สูญ และส่งผลให้ NPL ลดลง และ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 
          c) หากสามารถปิดดีลขายหุ้น SCB Life ให้กับพันธมิตรได้ จะส่งผลให้มีกำไรพิเศษสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา ขณะทีกำไรสุทธิปี 2560 คาดว่าจะเติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.3 เท่า

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 16 อีก US$1,038 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$1,538 ล้าน            

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 16 ในอัตราที่ชะลอตัว          
          นักลงทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 16 ชะลอตัวลงเป็น 2,553 ล้านบาท รวม 16 วันทำการต่างชาติขายสุทธิ 24,649 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงต่อเนื่อง เป็น 96,759 ล้านบาท 
          ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short เป็นวันที่ 2 ลดลงเป็น 16,442 สัญญา รวม 2 วันทำการร Short สุทธิ 40,007 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short เพิ่มเติม ส่งผลให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 37,892 สัญญา เมื่อกดดันให้ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 9 กว้างเป็น 3.15 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.31จุด 
          และนักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 ลดลงเช่นกันเป็น 18,474 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 48,644 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,695 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันที่ 7 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากถึง 10.32bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 4.77bps ปิดที่ 2.419%

Short-Selling วานนี้ 
เร่งขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,167 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 954 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 64 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 58 หลักทรัพย์           

NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เน้นลดน้ำหนักกลุ่มขนส่ง อาหาร และพลังงาน
          การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิชะลอตัวลงเป็น 1,591 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 2,089 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 4,359 ล้านบาท โดยเน้นลดน้ำหนักกลุ่มขนส่ง 434 ล้านบาท กลุ่มอาหาร 419 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน 418 ล้านบาท ขณะที่สะสมกลุ่มธนาคารเด่นสุด 208 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี 178 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          เฟดยังมองว่าเร็วเกินไปที่จะพิจารณาผลกระทบจากนโยบายของ Trump: ประธานเฟดสาขา Dallas นาย Kaplan ประเมินว่า นโยบายบางข้อมีโอกาสกระตุ้น GDP ในด้านบวก แต่บางนโยบายก็จะมีผลกระทบด้านลบเช่นกัน ทั้งนี้นโยบายด้านการค้าย่อมกระตุ้นการจ้างงานในประเทศให้เติบโต และผู้คนอพยพก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มจำนวนแรงงานและผลผลิตต่อเศรษฐกิจ ด้านผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น 

ยุโรป
          ไม่มี

จีน
          เงินลงทุนในตลาดอสังหาฯ ยังคงเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง: ยอดเงินลงทุนในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 13.4% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 7.8% yoy ส่งผลให้ยอดเงินลงทุนในภาคอสังหาฯ ช่วง 10M59 เพิ่มขึ้น 6.6% yoy เร่งขึ้นจาก 9M59 ที่เติบโต 5.8% yoy แม้ว่าทางการจะออกมาตรการควบคุมตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง แต่ผู้พัฒนาอสังหาฯ กลับเร่งโครงการให้เสร็จ
          ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น 38% yoy เดือนต.ค.: เป็น 9.41 แสนล้านหยวน ชะลอตัวจากเดือนก.ย.ที่เติบโต 61% yoy ทั้งนี้รัฐบาลท้องถิ่นเกือบ 24 แห่งได้ออกมาตรการควบคุมตลาดอสังหาฯ ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ด้วยการเพิ่มการวางเงินดาว์นสำหรับบ้านหลังแรกและหลังที่ 2 
          ผู้นำจีนต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่างจีนและสหรัฐฯ: ประธานาธิบดี Xi Jinping หารือทางโทรศัพท์กับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างกัน เป็นทางเลือกเดียวของ 2 ประเทศ รวมถึงการร่วมมือกันโปรโมทการพัฒนาเศรษฐกิจ ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนของ 2 ประเทศได้รับประโยชน์ที่จับต้องได้ และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ
          งบประมาณรายจ่ายในเดือนต.ค.กลับหดตัว: ยอดรายจ่ายของงบประมาณเดือนต.ค. ลดลง 12.5% yoy เนื่องจากฐานรายจ่ายในเดือนต.ค. 2558 อยู่ในระดับสูง และแม้ว่ารัฐบาลกลางจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5.6% yoy ก็ตาม แต่รัฐบาลท้องถิ่นกลับลดลง 15.5% yoy ด้านรายได้เพิ่มขึ้น 5.9% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ 4.9% yoy ทำให้ภาพรวมรายได้รับของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 5.9% yoy ใน 10M59 ส่งผลให้งบประมาณขาดดุล 1.1 ล้านล้านหยวนใน 10H59 แคบลงจาก 9M59 ขาดดุล 1.46 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 2.7% ของ GDP ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3.0% ของ GDP ในปีนี้

เอเชียแปซิฟิก
          BoJ ยังคงมองเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความเสี่ยง: 
          - ด้านอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย 2% จะยังมีความเสี่ยงที่จะไปไม่ถึงเป้าหมาย จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก 
          - ด้านเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีมุมมองเป็นกลางถึงบวก การขยายตัวในระดับปานกลางจากการส่งออกและผลผลิตที่ฟื้นตัว สะท้อนถึงความต้องการสินค้าในต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น แต่การบริโภคภายในประเทศยังคงขาดโมเมนตัมเชิงบวก และภาคเอกชนบางแห่งยังลังเลที่จะเพิ่มราคาในสินค้าและบริการ
          - ความเสี่ยงข้อตกลง TPP ที่อาจถูกยกเลิกนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
          - มาตรการสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น จำเป็นต้องมาจากนโยบายการคลัง ภายใต้การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนต่อนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Trump 
          อินเดียประกาศมาตรการเพิ่มปริมาณธนบัตรเข้าสู่ระบบ: อินเดีย เตรียมติดตั้งเครื่องเบิกเงินสดขนาดเล็กใหม่ทั่วประเทศ และให้ธนาคารพาณิชย์ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเดบิตและบัตรเครดิต พร้อมเพิ่มเพดานการถอนเงินสดสำหรับบัญชีเดินสะพัดอายุไม่ต่ำกว่า 3 เดือนเป็น 50,000 รูปี/สัปดาห์ ส่วนเครื่องเบิกเงินสดใหม่จะเริ่มกระจายธนบัตร 2,000 รูปีในอีก 2 วันข้างหน้า

ไทย
           ไม่มี
 

 โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 15 พ.ย. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 พ.ย. 2559 เวลา : 10:10:17

25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 5:30 pm