ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดเมือคืน ดัชนีชักแถวพุ่งขึ้น "ดาวโจนส์" ปิดบวก 98.75 จุด หลัง ว่าที่ประธานาธิบดี "ทรัมป์" เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นคร้ั้งแรก


ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ โดยปิดที่ 19,954.28 จุด บวก 98.75 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.50% ขณะที่ ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,563.65 จุด บวก 11.83 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.21% ทำสถิติปิดระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ หุ้นเฟสบุ๊ก และหุ้นแอปเปิล อิงค์ ส่วนดัชนี S&P500 ปิดบวกเช่นกัน ที่ 2,275.32 จุด บวก 6.42 จุด หรือเพิ่มขึ้น0.28%

ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ คือ การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในกรุงนิวยอร์ก โดยทรัมป์ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐ พร้อมกับแสดงจุดยืนในการวางมือจากธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ด้วยการประกาศถอนตัวจากธุรกิจของตนเอง โดยจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดเข้าสู่กองทุนทรัสต์แห่งหนึ่งและแต่งตั้งบุตรชายคนที่ 1 และ 2 เป็นผู้บริหารกิจการแทน นอกจากนั้นยังระบุด้วยว่า เขาจะลาออกจากทุกตำแหน่งในธุรกิจโรงแรม สนามกอลฟ์ และธุรกิจอื่นๆ อีกหลายร้อยแห่งที่เขามี

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกได้แจ้งต่อลูกค้าให้ทราบเรื่องการปรับลดการส่งมอบน้ำมันดิบในเดือนหน้า

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ได้ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากนายทรัมป์ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยาในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งนี้ โดยระบุว่า อุตสาหกรรมยาของสหรัฐขณะนี้อยู่ในภาวะย่ำแย่ และรัฐบาลภายใต้การนำของเขาจะสร้างระบบประมูลใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยา ทำให้ หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ร่วงลง 5.3% หุ้นเอนโด อินเตอร์เนเชั่นแนล ดิ่งลง 2% หุ้นเพอร์ริโก ร่วงลง 6.9% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 1.2% และหุ้น Abbvie ดิ่งลง 3.6% อย่างไรก็ตาม หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ปรับตัวพุ่งขึ้น 2.9% หลังมีรายงานว่า คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอนุมัติให้มีการทบทวนยารักษาโรคมะเร็งปอดของบริษัท

สำหรับประเด็นที่นักลงทุนจับตาหลังจากนี้ ได้แก่ การรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่สัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และแบงก์ ออฟ อเมริกา รวมถึงจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน



บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 ม.ค. 2560 เวลา : 12:11:41

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 9:40 am