ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดดัชนีวันนี้ ย่อแล้วดีด ในกรอบแนวต้าน 1553/1558 จุด และแนวรับ 1542/1536 จุด


“Mid & Small Cap Play”

CNS Daily Strategy : คาดตลาด ย่อแล้วดีด แนวต้าน 1553/1558จุด และแนวรับ 1542/1536จุด ความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐกดดัน sentiment โลก แต่คาดจะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อโอกาสการไหลกลับของ Fund Flow สู่ตลาดเอเชีย กระตุ้น SET ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวได้ โดยวันนี้แนะธีม “Mid & Small Cap Play” เลือก *Daily Top Pick: BRR, SNC, NYT*

Nomura : Key Factors

  • (+) Currency: Dollar อ่อนสุดรอบ 6 เดือนครึ่งสู่ 97.478 จุดกระตุ้นบวกต่อ Flow เข้าเอเชีย
  • (+) Fund Flow:วานนี้ต่างชาติซื้อ 1259 ลบ,Long Future 4199 สัญญา,ซื้อBond 6466 ลบ
  • (+) Int Factor: กำไร บมจ.ไทย1Q17 ที่มีคาดการณ์ 138 บริษัท โดยรวม ดีกว่าคาด+18.1%
  • (+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.84% สู่ $49.07/bbl / BRT +1.08% สู่ $52.21/bbl
  • (+) OIL: สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์ จาก EIA ลดลง 1.753 ล้านบาร์เรล
  • (+) Ex Factor: โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ เดือน มิย. ลดลงสู่ 82.5% จาก 97.5%
  • (-) Ex Factor: ความไม่แน่นอนต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ Trump กดดันตลาด US
  • Nomura Daily Top Picks: BRR, SNC, NYT

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ ย่อแล้วดีด ในกรอบแนวต้าน 1553/1558 จุด และแนวรับ 1542/1536 จุด ความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐฯ ส่งจิตวิทยาลบต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ Donald Trump มีโอกาสล่าช้าออกไป ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงถัดไป และเริ่มกระทบโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯในครั้งถัดไป สะท้อนจาก Fed Fund Future Rate จาก Bloomberg Consensus วานนี้ ที่พบว่าโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยรอบเดือน มิย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 82.5% จากวันก่อนที่สูงถึง 97.5% และประเด็นดังกล่าวข้างต้น ก็กดดันค่าเงิน Dollar อ่อนค่าลงต่อเนื่องเช่นกัน ล่าสุดลงมาทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนครึ่ง ที่ 97.478จุด จะเป็นปัจจัยหนุน Fund Flow มีโอกาสไหลเข้าตลาดเอเชียเพิ่มเติม (วานนี้ไหลเข้า 4 ใน 5 ประเทศ ในกลุ่ม Asia EM หลัก ราว 125 ล้านเหรียญ) นอกจากนี้การอ่อนค่าของ Dollar ถือเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเพิ่มเติมต่อการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ โดยวานนี้ ราคาน้ำตาล +2.64%, น้ำมันดิบ +1.1% ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด TIPs ดังนั้นตลาดหุ้นไทยยังน่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวการฟื้นตัวต่อเนื่อง

Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%

Daily Strategy :   6 Theme เด่น วันนี้ เน้น Mid Small Cap Play เป็นหลัก
1. หุ้น Mid-Small Caps ทีมีสตอรี่เด่น แนะ: BRR (วานนี้น้ำราคาน้ำตาลโลก +2.64%), NYT (แตกพาร์ 19 พค), และหุ้นที่คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว : SNC, K, PSTC
2. แรงเก็ง OPEC ขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต กระตุ้นราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ จึงแนะเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี : PTT, PTTGC, IRPC, IVL, SCC
3. กลุ่ม BANK คาดเป็นจังหวะที่น่าทยอยสะสม หลังราคาหุ้นตอบรับปัจจัย NPL และ NIM ที่หดตัวลงไปมากแล้ว แนะสะสม BBL, SCB, KBANK
4. MSCI Rebalance: ดัชนี MSCI Global Standard ไม่มีการปรับหุ้นเข้า-ออก แต่เพิ่มน้ำหนักหุ้น PTT, PTTGC, BEM ส่วน MSCI Global Small Cap นำเข้า BCPG, BIG, FSMART, PTL, THANI และไม่การนำหุ้นออก โดยทั้งหมดมีผล ณ ปิดตลาด 31 พค.นี้
5. หุ้นที่คาดจะเข้าคำนวน SET50-100 รอบใหม่ : คาดเข้า SET50 ได้แก่ BJC, EA, RATCH, SCCC, MTLS, TISCO, JAS / คาดเข้า SET100 ได้แก่ BJC, EA, RATCH, SCCC, JAS, GL, WORK, MEGA, GFPT, ANAN, PSL, PTL, MALEE
6. หุ้นใน SET50 ที่ลงแรงกว่าตลาด -2.5%(นับจาก 12 เมย ถึง 17 พค.2017) น่าซื้อคืน แนะนำ BANPU(-14.2%), GLOBAL(-13.3%), CK(-6.9%), SCB(-6.5%), KBANK(-6.4%) หุ้นใน SET100 ที่ลงแรงกว่าตลาด แนะนำ STPI(-14.6%), AMATA(-11.4%), SIRI(-5.7%), SAMART(-5.7%), VNG(-5.7%)

Weekly Strategy :
1. Weekly Outlook : สัปดาห์นี้ “ลุ้นรีบาวด์” แนวต้าน 1562/1566จุด แนวรับ 1537/1528จุดเลือก PSTC, IRPC, IVL เป็น weekly top picks
2. Mr. Market: แนะ IRPC: ตลาดปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2017 ขึ้นเด่น ในช่วงสัปดาห์ทีผ่านมา
3. Quant Value: GDP ไทยโตดีกว่าคาด สะท้อนเศรษฐกิจฟื้นตัวเด่น แนะสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรดี เลือก BBL เป็น Top Pick

Investment Theme:

·   2017 Global Reflation : Theme CG-R2
       Cyclical : IRPC, IVL, PTTGC, STPI
       Government Spending : CK, SCC
       Related Consumer Recovery : ROBINS, CPALL
       Renewable : EGCO, BRR
·   Mid-Small Best Pick 2017 : STPI, BRR, PSTC, NYT, PYLON

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
BRR (TP15.0*):  Support 12.4/12.0 Resistance 13.2/13.8

  • Theme :  Earnings Play
  • Earnings Outlook : คาดกำไรสุทธิปี 17F/18F จะโตสูง +394%/+65% จากการล็อคราคาขายน้ำตาลแล้วราว 80% - 90% ของผลผลิตทั้งปี 2017F เหนือราคา 21-23 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้นกว่า 45% y-y และคาดปริมาณเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น 18% y-y ขณะที่ภาพระยะยาวต่อยอดไปสู่กลุ่ม High margin (โรงสีน้ำตาลทรายขาว) และการนำผลิตภัณฑ์ไปต่อยอด (โรงไฟฟ้าชีวมวล)
  • Valuation : ราคาหุ้นหลังปรับฐานลงมา 13% จากจุดสูงสุด และเป็น Side way ขณะที่ Valuation ซื้อขาย PER17F 18.7x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอดีตที่ 20.10x และ upside เปิดกว้าง 16%
  • Catalyst : กำไรงวด 1Q17 เด่นมาก (+221% y-y และดีกว่าคาดมาก คิดเป็น 71% ของประมาณการทั้งปีแล้ว) + ล็อคราคาขายน้ำตาลแล้วกว่า 80% - 90% เหนือราคา 21-23 เซนต์/ปอนด์ ไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำตาลปัจจุบันที่ลดลง

SNC (TP23.1*):  Support 14.4/14.0 Resistance 15.3/15.7

  • Theme : Bottom Play
  • Earnings Outlook : คาดกำไรได้ผ่านช่วงที่มีอุปสรรคที่สุดใน 1Q17 ไปแล้วจากทั้งภาพรวมอุตสาหกรรมอ่อนตัว (ฝนตกบ่อย ทำให้อุณหภูมิไม่ร้อนเท่าเดิม) และผลกระทบชั่วคราวจากการย้ายงานมารวมศูนย์ที่โรงงานระยอง แต่คาดกำไรจะเริ่มทยอยฟื้นตัว y-y ได้อีกครั้งจากกลยุทธ์ด้าน cost saving อย่างเข้มข้น โดยประเมินกำไร 2Q17F จะกลับมาทรงตัว y-y และเพิ่มขึ้น 20% y-y ตั้งแต่งวด 3Q17F – 1Q18F โดยรวมเชื่อว่ากำไรช่วง 3 ปีนี้จะเริ่มทยอยเห็นการเติบโตได้อีกครั้ง เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี 
  • Valuation : ราคาที่ปรับฐานลงมากว่า 17% ในรอบ 1.5 เดือน สะท้อนกำไร 1Q17  ที่อ่อนแอไปแล้ว ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบัน มี valuation ที่น่าสนใจทั้งมิติ PER (9.5x), P/CFO (5.7x), Div yield 6.5%, ROE 17% +  ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
  • Catalyst : ภาพของการดำเนินงานที่จะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ในรอบกว่า 5 ปี

NYT (TP20.4*):  Support 14.1/13.8 Resistance 15.0/15.7

  • Theme : Bottom-Play
  • Earnings Outlook : คาดกำไร 2017F เติบโต 17.4% y-y ตามแนวโน้มยอดรถยนต์ส่งออกปรับตัวขึ้น 5.5%  และช่วง 2H17 คาดจะเริ่มเห็นรายได้จากการขยายท่าเรือและพื้นที่เช่าเพิ่ม  
  • Valuation : เป็นหุ้น Defensive ที่มีรายได้และกระแสเงินสดมั่นคง + ราคาหุ้นซื้อขาย PER ปี 2017F ที่ 20 เท่าต่ำกว่ากลุ่มขนส่งฯ และมี Downside จำกัด จาก Dividend yield สูง 4-5%
  • Catalyst : คาดตัวเลขส่งออกเม.ย.17 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่พ.ค.เป็นต้นไป ประกอบกับ NYT ได้รับอานิสงส์เชิงบวก + แตกพาร์จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.5 บาท เพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย มีผลแตกพาร์วันพรุ่งนี้ 19 พ.ค.17

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)    
 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ค. 2560 เวลา : 11:35:34

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 5:01 am