ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน SET จะยังอ่อนตัวลงหลุดระดับ 1,700 จุด (15/11/60)


 กลยุทธ์วันนี้ >> ซื้อหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัวและเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 ดีกว่าคาด

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดตลาดทรงตัวก่อนที่จะปรับตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดย ณ สิ้นวันดัชนีปิดบวกถึง 15.58 จุดและยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้อีกครั้งซึ่งดีกว่าที่เราประเมินมาก ส่วนหนึ่งคาดว่าเกิดจาก MSCI ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย สถาบันในประเทศวานนี้ยังซื้อสุทธิอีกราว 1,400 ลบ. ซึ่งคาดว่าเกิดจากเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงปลายปี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก  1,241 ลบ.จากทิศทางกระแสเงินทุนที่ยังไหลออก
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังอ่อนตัวลงหลุดระดับ 1,700 จุดระหว่างวันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนักหลังญี่ปุ่นรายงาน GDP 3Q17 ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงเกือบ 2% ซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามจากกำไรบริษัทจดทะเบียน 3Q17 โดยรวมที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เรายังยังเชื่อมั่นต่อการเติบโตที่ยังต่อเนื่องใน 4Q17 และปี 2018 เรายังมองจังหวะที่ตลาดอ่อนตัวเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีกำไรดีกว่าคาดน่าจะ Outperform ตลาดได้ในระยะนี้
  กลยุทธ์ : ซื้อหุ้นพื้นฐานดีในจังหวะอ่อนตัวและเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 ดีกว่าคาด
  หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$7ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$60ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$53ล้าน และไทย US$38ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อความล่าช้าของแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐ

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MODERN <<

  • กำไรสุทธิ 3Q17 ออกมาดีกว่าคาดและดีสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ 93 ลบ. +333% Q-Q, +182% Y-Y ตามการฟื้นตัวของตลาดเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะภาคราชการที่ MODERN กำลังรุกมากขึ้น
  • แนวโน้ม 4Q17 ยังโตต่อเนื่อง เพราะเฟอร์นิเจอร์บ้านได้แรงหนุนจากช้อปช่วยชาติ และโมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์ที่มี Backlog เหลือ 400 ลบ. จะรับรู้งานมากขึ้น
  • แรงหนุนระยะยาวคือ โมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์กำลังมีโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งเป็นของตัวเองในปีหน้า ทำให้มูลค่าแฝงใน MODERN ที่เราเคยประเมินไว้ 2.40 บาท/หุ้น อาจต่ำเกินไป
  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.80 บาท  

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (-) ราคาน้ำมันดิบ -2% จาก IEA ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันปี 2017-2018 ลง และ มีแรงกดดันตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาแย่กว่าคาด เป็นลบต่อกลุ่มพลังงานวันนี้ แต่อาจไม่ปรับลงมากเพราะมีปัจจัยหนุนรายตัวจากประเด็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ MSCI (PTTGC TOP IVL) ส่วนกลุ่มทีได้ประโยชน์ เช่น ขนส่งและโลจิสติกส์ 
  (+) กำไรปกติ 3Q17 อยู่ในเกณฑ์ดี +19% Q-Q, +20% Y-Y ทั้งที่เป็น Low Season ของหลายธุรกิจ โดยเฉพาะ Non-Banks ที่กำไรปกติโตได้ดีมาก +25% Q-Q, +33% Y-Y กลุ่มที่น่าประทับใจคือ ค้าปลีกและโรงแรม (ที่ปรับเป้าขึ้น CPALL ROBINS BEAUTY IT ที่ปรับลง KAMART) กลุ่มที่กำไรแย่กว่าคาดคือ เครื่องดื่ม  โรงไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ผลจากการปรับประมาณการปี 2018 ขึ้นของนักวิเคราะห์ ทำให้กำไรปกติ +11% Y-Y จากเดิม +9.8% Y-Y PE2018 ของตลาดอยู่ที่ 14.5 เท่า ต่ำกว่า Target PE ของเราที่ 17 เท่า และ PEG ยังใกล้เคียงภูมิภาคที่ 1.3 เท่า เรายังคงเป้าดัชนีปีหน้าที่ 1,900 จุด       
  (0) BCP กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 1.3 พันลบ. +33% Q-Q, +12% Y-Y ต่ำกว่าคาดเพราะมีตั้งด้อยค่าใน E&P หากหักออก กำไรปกติอยู่ที่ 1.46 พันลบ. +11% Q-Q, +43%Y-Y จากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และธุรกิจไฟฟ้ารวมถึงผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีผลประกอบการดีขึ้น แนวโน้ม 4Q17 คาดชะลอตัวตามค่าการกลั่น จึงยังคงกำไรปีนี้ 5.5 พันลบ. +45% Y-Y แต่ปรับปีหน้าขึ้น 6% เป็น +4% Y-Y แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 41 บาท
  (0) TRUE ขาดทุนสุทธิ 691 ลบ. หากตัดรายการพิเศษออก จะขาดทุนปกติ 1,160 ลบ. ใกล้เคียง 2Q17 แต่ดีขึ้นจากขาดทุน 2,469 ลบ. Net Add ในส่วนของ True Mobile ยังเพิ่มอีก 5 แสนราย หนุน Market Share เพิ่มเป็น 26.5% ส่วนฝั่งต้นทุนควบคุมได้ดีทั้งค่าโครงข่ายและ SG&A เราปรับประมาณการขึ้นจากการรวมการขายสินทรัพย์เข้า DIF ทำให้คาดพลิกมามีกำไรสุทธิ 3 พันลบ.ในปีนี้ และ 2.4 หมื่นลบ.ในปีหน้า ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 6.50 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไร 
  (0) SEAFCO กำไรสุทธิ 3Q17 ตามคาดที่ 45 ลบ. +18% Q-Q, +256% Y-Y จากทั้งปัจจัยฤดูกาลและฐานที่ต่ำในปีก่อน แนวโน้ม 4Q17 คาดเร่งตัวขึ้นจากการทยอยรับรู้งานใหม่ คงกำไรปีนี้ที่ 212 ลบ. +36% Y-Y และปีหน้า 282 ลบ. +33% Y-Y จากการรับรู้งานในมือที่มีกว่า 2.5 พันลบ. และได้งานเพิ่มตามการฟื้นตัวของการก่อสร้างอีกมาก แต่ราคาปรับขึ้นมาเร็วจนเต็มมูลค่าที่ 9.65 บาท จึงแนะนำถือ 
  (+) K 3Q17 ขาดทุนลดลงเหลือ 24 ลบ. จาก -40 ลบ. ใน 2Q17 รายได้เพิ่มแต่มีรับรู้ผลขาดทุนจากงานขององค์กรกึ่งรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง (เพื่อเปิดทางให้ได้รับงานมากขึ้นในอนาคต) แนวโน้ม 4Q17 คาดมีกำไรสูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมาที่ 30-35 ลบ. เพราะเป็น High Season ของงานแสดงสินค้าและอีเว้นท์ที่ K ถนัดและอัตรากำไรดี โดยเฉพาะมอเตอร์เอ็กซ์โปที่งบประมาณมากกว่าปีก่อน ตามการฟื้นตัวของกลุ่มยานยนต์ เราคาดปีหน้าพลิกมามีกำไร 57 ลบ. เพราะงาน Shop Brand เริ่มขึ้น แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

15 ..

สหรัฐฯยอดค้าปลีกและอัตราเงินเฟ้อ (.. 17)

16 ..

สหรัฐฯยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

17 ..

ยูโรโซนถ้อยแถลงของประธาน ECB

สหรัฐฯยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ 

23 ..

ไทย: THMUI เริ่มซื้อขายวันแรก

  • (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบจากแรงเทขายกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลง 2% ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อมาตราการภาษีของทรัมป์
  • (-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากแรงขายนำโดยกลุ่มเหมืองแร่เนื่องจากข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ของจีนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากกลุ่มส่งออกเนื่องจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่า
  • (-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามทิศทางตลาดโลกนำโดยกลุ่มพลังงานที่ถูกกดันตามการดิ่งลงของราคาน้ำมัน
  • (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว sideway ในกรอบแคบๆแถว 33.02-33.05 บาท/ดอลลาร์
  • (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 1.06 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 55.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันปี 2017-2018 ลง 0.1 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่อุปทานนอกกลุ่มโอเปกยังมีการเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดน้ำมันน่าจะกลับสู่ภาวะล้นตลาดอีกครั้งช่วง 1H18 นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาแย่กว่าคาด
  •  ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 4.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,282.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับของมาตราการภาษีทรัมป์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 พ.ย. 2560 เวลา : 09:58:57

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 6:59 pm