สภาวะตลาดวันที่ 25 มกราคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,355.00-1,366.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG18 อยู่ที่ 20,330 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,300 บาท

  (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.03 น. ของวันที่ 25/01/61)

แนวโน้มวันที่ 26 มกราคม 2561
  นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวในการแถลงในการประชุม World Economic Forum (WEF) ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงถือว่าเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ การแถลงดังกล่าวบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกรอบนโยบายสกุลเงินของสหรัฐ จนกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้กล่าวในการประชุม WEF ว่า สหรัฐจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของสงครามการค้าโลกอีกต่อไป พร้อมกับส่งสัญญาณว่า รัฐบาลสหรัฐอาจปรับขึ้นภาษีศุลกากรอีกในอนาคต โดยก่อนหน้านี้สหรัฐได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในการประชุม WEF วันศุกร์นี้ รวมทั้งพบปะกับผู้นำโลกที่เขาได้เคยโจมตีในช่วงการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยหาก ปธน.โดนัลด์ ส่งสัญญาณหรือมีท่าทีกีดกันการค้าเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี ตามสกุลเงินเอเชียทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังดอลลาร์ร่วงลง ซึ่งส่งผลลบต่อราคาทองคำในประเทศ นอกจากนี้แนะนำนักลงทุนติดตามแผนการฟื้นฟูสาธารณูปโภคของสหรัฐโดยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กล่าวว่า จะมีการลงทุนโดยรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะรวมถึงการลงทุนของรัฐบาลกลางและท้องถิ่น อยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่เขาได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ รายละเอียดของแผนบางส่วนจะถูกเปิดเผยในการแถลงนโยบายประจำปีในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นแนะนำหาจังหวะซื้อเล่นสั้นเมื่อราคาย่อตัวลงไปและไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การไล่ซื้ออาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข่งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนที่ถือทองคำไว้แนะนำหาจังหวะแบ่งปิดสถานะทำกำไรหากราคาทองคำได้ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,376 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยืนเหนือแนวต้านไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์

ทองคำแท่ง (96.50%) 
แนวรับ            1,355 (20,100บาท) 1,342 (19,900บาท)        1,331 (19,750บาท)
แนวต้าน          1,376 (20,450บาท)   1,384 (20,600บาท)    1,392 (20,700บาท)             
  
GOLD FUTURES (GFG18)
แนวรับ            1,355 (20,240บาท) 1,342 (20,050บาท)        1,331 (19,880บาท)
แนวต้าน          1,376 (20,560บาท)   1,384 (20,680บาท)     1,392 (20,800บาท)