ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ (29/01/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวลงค่อนข้างเร็วและแรงในช่วงเปิดตลาดจาก Sentiment เชิงลบ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันโดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดหญ่หลายตัวและทำให้ตลาดพลิกมาปิดบวกได้ราว 10 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 7,091 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,374 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,671 ลบ. ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจาก BBL ขาย Big Lot JASIF 380 ล้านหน่วยที่ราคา 11.60 บาท รวมมูลค่า 4,408 ลบ. ให้ทั้งนักลงทุนต่างชาติและรายย่อย 
 แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นได้ต่อในวันนี้จากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสทั้งจากการดีดกลับของดัชนีเมื่อวันศุกร์รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯที่พุ่งขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องซึ่งยังค่อยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนการประชุม FOMC สัปดาห์นี้เราคาดยังคงดอกเบี้ยที่ 1.25-1.50% ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector จะเริ่มทยอยประกาศออกมาหนาแน่นขึ้น จึงยังเชื่อว่าหุ้นที่มีคาดมีกำไร 4Q17 แข็งแกร่งน่าจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด ขณะที่จังหวะตลาดพักฐานในลักษณะเช่นเดียวกับวันศุกร์เรายังมองเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่อีกครั้ง
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง//สมสมหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงตลาดพักตัว
  หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
  Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$475ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$174ล้าน และไทย US$171ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค เข้าสู่ช่วงเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> THMUI <<

  • THMUI เป็นอีกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็ง เพราะต้นทุนลวดสลิง 70% นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ขายในประเทศทั้งหมด ทุก 1% ที่แข็งค่าขึ้นจะเป็นบวกกับกำไรสุทธิ 5% ตั้งแต่ต้นปีแข็งมาแล้ว 4% จึงเป็น Upside ต่อประมาณการเดิมราว 20% 
  • รายได้เกินครึ่งเป็น recurring income เพราะลวดสลิงเป็นสินค้าด้านความปลอดภัยที่ต้องเปลี่ยนทุกปี เราคาดกำไรปี 2017 ที่ 33 ลบ. +73% Y-Y และปี 2018 ที่ 53 ลบ. +61% Y-Y จากความต้องการลวดสลิงที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มพลังงานและก่อสร้าง ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้คำสั่งซื้อขนาดใหญ่จาก SEAFCO และกำลังรุกตลาดท่าเรือในต่างประเทศ
  • ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE2018 เพียง 13 เท่า และ PEG 0.4 เท่า ขณะที่ ปันผล 4% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ THMUI)


ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดย YTD แข็งไปแล้ว 4% จาก Dollar Index ที่อ่อนตัวลง 4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ความผันผวนของค่าเงินระยะเริ่มกระทบการไหลของกระแสเงิน โดยต่างชาติเริ่มมีขายสลับในตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ YTD ยังซื้อสุทธิสูง 8 หมื่นลบ. ตรงข้ามกับหุ้นที่ขายสุทธิราว 4 พันลบ. สถานการณ์เงินบาทแข็งเร็วแล้วหนุน SET ขึ้นแบบนี้ เคยเกิดขึ้นในต้นปี 09 และปลายปี 12 มีระยะเวลาเฉลี่ย 1 ปีก่อนจะเปลี่ยนทิศ คือ เงินบาทกลับมาอ่อนแล้ว SET พักตัวลง รอบนี้เงินบาทแข็งมาตั้งแต่ปลายปี 16 กินเวลา 1 ปีเศษ ถือว่าใกล้จุดเปลี่ยนเมื่อเทียบอดีต จึงยังต้องระวังความเสี่ยงในประเด็นเงินบาทแข็งค่าเร็วต่อไป
  (0) TMB ปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ ราคาหุ้น TMB ปรับฐานจนมี Upside ที่น่าสนใจขึ้น เราคาดว่าแนวโน้มกำไรยังเป็นโมเมนตัมที่ดี และคาด ROE จะปรับขึ้นสู่ 12% จาก 10% ในปี 2017 ตามแผน 5 ปีของธนาคารที่เป็นเชิงรุก ต่อการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยผ่านช่องทาง Digital และการ Cross sell ในฐานลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำไรปี 2018 +16%Y-Y อยู่ที่ราว 1 หมื่นลบ. จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม, การเติบโตของสินเชื่อและการตั้งสำรองฯที่ผ่อนคลายลง คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 3.30 บาท
  (+) ORI เป็น growth stock ที่น่าจับตาด้วยกำไร 4Q17 ที่เราคาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.2 พันล้านบาท +125% Q-Q, +294% Y-Y จากการเริ่มโอน Park24 เป็นไตรมาสแรก และทำให้กำไรทั้งปี +231% คาดโตต่ออีก 43% ในปีนี้จาก Backlog 2.7 หมื่นล้านบาท ORI มีศักยภาพโตต่อเนื่องในระยะยาวจากกลยุทธ์ที่หันมารุกตลาดบนย่าน CBD เช่นทองหล่อ พร้อมพงษ์ และพญาไท และขยายไปฝั่ง EEC และสร้าง Recurring income ด้วยโครงการ mixed use ที่จะเปิดตัวมากขึ้น ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท 
  (0) ICHI แนวโน้มกำไรปกติ 4Q17 จะกลับมาฟื้นตัวเล็กน้อย Q-Q แต่คาดมีการตั้งด้อยค่าความนิยมแบรนด์ไบเล่ต่อเนื่อง รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนที่อินโดนีเซียสูงขึ้น จึงคาดกำไรสุทธิ 4Q17 จะลดลง Q-Q แต่จะพลิกจากที่ขาดทุนในปีก่อน และคาดกำไรสุทธิปี 2017 -25.8% Y-Y ต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ประสบเหตุน้ำท่วมหนักในปี 2011 ก่อนคาดกลับมา +98.7% Y-Y เป็น 543 ลบ. ในปี 2018 แม้จะประสบความสำเร็จจากการรุกตลาดส่งออก แต่เรายังไม่คิดว่ากำไรจะกลับมาสดใสอย่างที่เคยทำได้ในปี 2014 เพราะรายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากในประเทศ ที่แนวโน้มยังไม่ดี อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะกลับมามีกำไรที่ดีขึ้น เราจึงปรับเพิ่ม PE จาก 20 เท่า เป็น 23 เท่า ให้เท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่มเครื่องดื่ม นำไปสู่การปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 9.7 บาท จากเดิม 8.4 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นถือจากเดิมขาย
  (+) TPCH คาดกำไรสุทธิ 4Q17 โต 1.8 เท่าตัว Q-Q จากไตรมาสก่อนมีค่าใช้จ่ายพิเศษเยอะ กำไรปกติโต 10.4% Q-Q, 5.0% Y-Y จากโรงไฟฟ้า PGP เดินเครื่องได้มากขึ้นหลัง COD ต้นไตรมาสก่อน และการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่ แม้ Gross Margin ลดลง Y-Y จากต้นทุนจัดการโรงไฟฟ้าและค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่ม ทั้งปี คงคาดกำไรสุทธิ Flat Y-Y แต่กำไรปกติโต 29 % Y-Y ราคาหุ้นยัง Underperform สะท้อนกำไรปีก่อนที่พลาดเป้าของตลาด แต่คาดกำไรปกติปี 2018-2019 สดใสขึ้น คาด PE ปี 18 จะลดลงเหลือ 16x และ 11x คงคำแนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 20 บาท 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

30 ม.ค.

ยูโรโซน: 4Q17 GDP ตลาดคาด 2.8% เพิ่มขึ้นจาก 2.6%

สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)

31 ม.ค.

ไทย: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ธ.ค. 17)

ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค. 18) อัตราการว่างงาน (ธ.ค. 17)

ก.พ.

ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค. 18)

จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)?

ก.พ.

ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)

สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ม.ค. 18)

  • (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดพุ่งขึ้นทำ New High ได้ต่อเนื่องแม้ GDP 4Q17 จะต่ำกว่าคาด แต่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด
  • (+) ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวัศุกร์ปิดในแดนบวกได้เช่นกันรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง
  • (+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้เช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
  • (+) ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.40 บาท/ดอลลาร์
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับขึ้น 0.63 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 66.14 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนต่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามอุปสงค์น้ำมันอาจชะลอตัวลงเนื่องจากใหล้สู่ช่วงโรงกลั่นหยุดซ่อมบำรุง
  • ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงแรง 10.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,352.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นติดต่อกันในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามราคาเริ่มขยับขึ้นอีกครั้งจากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่า

บันทึกโดย : วันที่ : 29 ม.ค. 2561 เวลา : 09:38:06

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 1:09 am