สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -17.04 จุด วิตกสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, น้ำมันร่วง

  SET แกว่งแดนลบตลอดทั้งวันในกรอบ 1764-79 ถูกกดดันจากราคาน้ำมันและ Sentiment หุ้นตปท.ที่ปรับลงแรง 2-3% กังวลสงครามการค้า หลังจีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 128 รายการ และแรงขายต่อเนื่องในหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ต่างชาติขายสุทธิ 478 ลบ. 4 วันติด และพลิก Short S50 Futures เล็กน้อย 727 สัญญา

ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์ แม้หุ้นสหรัฐฯ-ราคาน้ำมันเริ่มดีดกลับ แต่มี XD ถ่วง
  หุ้นโลกเมื่อวาน (3 เม.ย.) เริ่มฟื้นตัว จากการรีบาวด์ของหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในทางปัจจัยเทคนิคหลังจากที่ดิ่งลงแรงในวันก่อนหน้า ส่วนหุ้นยุโรปกลับมาเปิดทำการวันแรกปรับลง ชดเชยตามหุ้นโลกที่ปรับตัวลงในช่วงที่หยุดไป ด้านราคาน้ำมันรีบาวด์ทางเทคนิคด้วย มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ แม้หุ้นสหรัฐฯ และราคาน้ำมันรีบาวด์ แต่นลท.ยังระมัดระวังต่อสถานการณ์การค้าโลกอยู่ ล่าสุดสหรัฐฯ  เปิดเผยรายการสินค้าของจีนมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าแล้ว หลัก ๆ เป็นสินค้าไอทีและเทคโนโลยีชั้นสูง นอกจากนี้ SET จะมีผลกระทบจากการขึ้น XD วันนี้ -1.4 จุด (หลัก ๆ มาจาก SCC, THCOM) ขณะที่การขึ้น XD ของ ADVANC วันพรุ่งนี้จะกดดัน SET -1.0 จุด และผลกระทบ XD จะต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า (9-17 เม.ย.) รวม -3.5 จุด มองนลท.กำลังรอติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน FED และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ วันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะศก., เงินเฟ้อ และทิศทางอัตราดบ.ในปีนี้ แนวรับ 1755-60 แนวต้าน 1775, 1780

กลยุทธ์การลงทุน : Wait&See ถือเงินสด > ถือหุ้น, เด้งเป็นจังหวะขายลดพอร์ต
  ยังแนะอยู่ในโหมด Wait & See โดยถือเงินสดมากกว่าถือหุ้น หาก SET ปิดต่ำกว่า 1760 จะยืนยันภาพตลาดเลือกข้างเป็นแนวโน้มขาลงในไตรมาส 2 มีโอกาสแกว่งซิกแซกลงทดสอบ 1710-1720 / SET จะกลับมาดูดีขึ้นต้องยืน 1800 ให้ได้ก่อน มองการรีบาวด์เป็นจังหวะขายลดพอร์ต-ถือเงินสดเพิ่ม / การเก็งกำไรต้องรับความเสี่ยงได้สูง-มีวินัย

• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Trading Pick BLAND – มองราคาหุ้นมีแนวโน้ม outperform กว่าตลาดในระยะสั้น จากการประกาศงบปี 17 ในเดือนหน้าที่จะมาพร้อมกับการจ่ายเงินปันผลที่ผลตอบแทนราว 3% และแผนการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 3.7 พันลบ.ที่เริ่มตั้งแต่ 29 มี.ค. แสดงนัยถึงราคาหุ้นที่ซื้อคืนที่ 2 บ. นอกจากนี้ ราคายังต่ำกว่า BV ที่ 2.5 บ.ด้วย, มองได้ประโยชน์จากการปิดปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในช่วงปลายปีนี้ / เราปรับประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์ปี 18-20F ลง 3-8% และหั่นเป้าพื้นฐานลงหลายตัว 5-14% โดยปรับคำแนะนำ KBANK (เป้าใหม่ 224 บ.) ลงเป็น “ถือ” ขณะที่ KKP (80 บ.) ปรับขึ้นเป็น “ซื้อ” โดยหุ้นเด่นที่สุดของเรา คือ BBL (222 บ.) / มองหุ้นในกลุ่มรพ.ปลอดภัยจากภาวะตลาดผันผวน ชอบ BCH, BDMS, CHG / CPF คาดจะได้ประโยชน์จากจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ / ส่งออกไทย ก.พ. ขยายตัวดีกว่าคาด ชอบหุ้นอิงธุรกิจยานยนต์ AH, SAT, NYT / หุ้นที่ตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรและเป้าราคาหุ้นขึ้น – AH, AJ, SAT, SEAFCO, TOA, TVO / หุ้นเก็บตกปิดงบ-ปันผลช้า – AEONTS (งบปีสิ้นสุด ก.พ.), BLAND (งบปีสิ้นสุด มี.ค.) / หุ้นได้ประโยชน์ EEC ชอบ CK, STEC, SEAFCO, AMATA, ROJNA, WHA / Summer Play – SNC, SAPPE, TACC / หุ้นปันผลดี (Div. Yield รอบนี้ > 3%) ชอบ  AIT, AP, ASEFA, BIG, ESTAR, FTE, GLOW, KKP, KTB, LH, MCS, MODERN, NYT, PDI, PL, QH, ROJNA, SC, SPRC, WHAUP
• หุ้น Weekly GURU ซื้อ CHG (เป้าสั้น 2 บ.), COM7 (20.3 บ.) / ถือ ADVANC (220 บ.), BIG (3.2 บ.) /ขายเปลี่ยนตัว CPN (-0.6%), SF (-0.5%)
• หุ้นเด่น เม.ย. (Smart Tactics) COM7, IRPC, ROBINS, RS, SF
• SET แกว่งแดนลบตลอดทั้งวันในกรอบ 1764-79 ถูกกดดันจากราคาน้ำมันและ Sentiment หุ้นตปท.ที่ปรับลงแรง 2-3% กังวลสงครามการค้า หลังจีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 128 รายการ และแรงขายต่อเนื่องในหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ต่างชาติขายสุทธิ 478 ลบ. 4 วันติด และพลิก Short S50 Futures เล็กน้อย 727 สัญญา

ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research