ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้ง (28/06/61)


 Market summary

  เมื่อวานเป็นอีกวันที่ตลาดหุ้นผันผวน โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP, BANPU และหุ้นใหญ่อย่าง ADVANC, BBL  อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายเกิดแรงขายกดตลาดนำโดย PTTGC และกลุ่มค้าปลีกอย่าง BEAUTY, BJC, HMRPO และกลุ่มรถไฟฟ้าอย่าง BTS, BEM ณ.สิ้นวัน SET กลับมาปิดที่ 1,618 จุด (-5.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.2 หมื่นล้านบาท (มี Biglot BH มูลค่า 3.2พันล้านบาท ) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 4.8 หมื่นล้านบาท
  นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,683 ล้านบาท  และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 2,316 สัญญา

 Investment theme
  Fund flow ยังไหลออกจาก EM กดดันค่าเงินอย่างมาก: เม็ดเงินไหลออกจากหลายประเทศในเอเชีย (Asia Pacific Ex.Japan ) รวม QTD สูงกว่า 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นปัจจัยกดดันให้เงินอ่อนค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ (ขายตลาดหุ้นไทยมากกว่า 3.7พันล้านเหรียญ และบาทอ่อนค่ากว่า 5.5%) ส่งผลให้หลายธนาคารกลางในแต่ละประเทศเช่น อินเดีย,อินโดนีเซีย,มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนหนึ่งเพื่อการชะลอการไหลออกของเม็ดเงินดังกล่าว สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ว่าอยู่ในจุดที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆใน EM นำโดยสัดส่วนดุลบัญชีเดินสะพัด/GDP ยังอยู่ในระดับสูง 9% , หนี้สินต่างประเทศอยู่ในระดับไม่สูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย โดยนักลงทุนต่างชาติถือครองพันธบัตรสัดส่วนเพียง 10% เมื่อเทียบกับ EM ที่สูงกว่า 30% , เงินทุนสำรองต่างประเทศในระดับสูงกว่า 3.5 เท่าของหนี้ระยะสั้น แต่ยังมีความเสี่ยงในแง่โอกาสการถูกปรับประมาณการ GDP ลงจากผลประทบของ Trade war โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เราพึ่งพิงการส่งออกสูงมาก โดยเฉพาะจากคู่ค้าหลักอย่างจีนและสหรัฐที่มีสัดส่วนสูงประมาณ 20%  ประกอบกับเราประเมินว่าการขายหุ้นเพื่อดึงเงินกลับจาก EM ครั้งนี้ถูกทำเป็น Basket มากกว่าการเลือกประเทศ  
  Investment Theme:  สำหรับนักลงทุนระยะยาว คงคำแนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน Trade war ซึ่งจะมีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค. แนะจับตาข้อสรุปการกีดกันการลงทุนจากประเทศจีน โดย CFIUS ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยยะต่อชนวนสงครามการค้า

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  ค่าการกลั่นปรับลดเหลือ 3.85 เหรียญ (-41%YTD ) /ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นที่ 77.3 เหรียญ  ภายหลังสหรัฐรายงานตัวเลขคลังน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดที่ 9.9 ล้านบาร์เรล / Dollar แข็งค่าขึ้นอีกครั้งที่ 95.2

Stock pick : N/A
  Trading idea – สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เรามองกรอบการเก็งกำไรบริเวณ 1,620-1,645 จุด พร้อมตัดขาดทุนหากต่ำกว่า 1,600 จุด แนะเก็งกำไร GOLD (คาดกำไรทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในปี 2 ปีข้างหน้า)  / เก็งกำไร PTTEP / เก็งกำไร BJC แนวต้าน 53.50 บาท/หุ้น

Technical View


  ไม่มีแรง Rebound ต่อเนื่อง ยังคงมีความเสี่ยงลงต่อ :  ดัชนีเปิด Gap โดดในช่วงเช้าจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน แต่ไม่สามารถต้านแรงขายจากกลุ่มอื่นๆ ทำให้ดัชนีไม่มีแรง Rebound ที่ต่อเนื่อง และยังคงมีความเสี่ยงหลุดแนวรับเส้น Uptrend ของกราฟรายสัปดาห์ที่ 1615 และหากหลุดดัชนีจะมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อที่แนวรับ 1600 และ 1560 ตามลำดับ ยังคงมองว่าจังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสทยอยลดพอร์ต
  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading เล่น Rebound ในกรอบ 1615-1650 หากหลุด 1615 แนะนำ Stop Loss 2)  ไม่มีหุ้น : รอดูแนวโน้มที่แนวรับจนกว่าจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ชัดเจนมากกว่านี้
  แนวรับ : 1615, 1600 แนวต้าน : 1630, 1645

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ:  จับตาปัญหา Trade war / สหรัฐรายงาน Core-PCE และ GDP ไตรมาสหนึ่ง 28 มิ.ย. 
  ปัจจัยในประเทศ:  -

หุ้นเทคนิค:
  BANPU (B 19.20-19.40, Tp 20.00// 20.50, Cut 19.00)
  CPF (B 24.30, Tp 26.00, Cut 24.00)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 มิ.ย. 2561 เวลา : 09:32:01

24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 4:04 am