สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -28.04 จุด หุ้นภูมิภาคโดนเทจากวิกฤติเงิน EM อ่อนค่า

  SET แกว่งแดนลบตลอดทั้งวันในกรอบ 1685-1711 ปรับตัวลง 3 วันติด โดยหลุดระดับ 1700 อีกครั้ง จากความกังวลการกีดกันการค้าจะรุนแรงขึ้น และถูกกดดันจากการอ่อนค่าของเงินปท.ใน EM รอบใหม่ กระตุ้นกระแสเงินทุนตปท.ไหลออก ต่างชาติขายสุทธิ 2.22 พันลบ. 9 วันติด และ Short S50 Futures 12,279 สัญญา 2 วันติด

ทิศทางตลาดวันนี้ : ซิกแซกลง ความไม่แน่นอนจากปัจจัยตปท.กดดันต่อเนื่อง
  หุ้นโลกเมื่อวาน (5 ก.ย.) ส่วนใหญ่ดิ่งลงแรง จากการปรับตัวลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับลงมากกว่า 1% ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ปิดผสม โดยดัชนี NASDAQ ของสหรัฐฯ ร่วงราว 1.1% หวั่นสภาคองเกรสจะออกกฎควบคุมใหม่ที่เข้มงวดขึ้น ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.08$ หรือ -1.5% คลายกังวลอุปทานตึงตัว หลังพายุ Gordon อ่อนกำลังลงและเบี่ยงเส้นทางจากแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก  มอง SET มีแนวโน้มแกว่งซิกแซกลง จากปัจจัยกดดันภายนอก ทั้งความไม่แน่นอนของการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ กับปท.อื่นๆ และแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินในปท.EM โดยเฉพาะอินโดนีเซีย อินเดีย อาร์เจนตินา และตุรกี อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าผลกระทบต่อไทยจำกัดและไม่นาน เนื่องจากพื้นฐานศก.แตกต่างกันมาก รอปัจจัยการเมืองในปท.กลางเดือนนี้ ช่วยหนุนภาพการเลือกตั้งปีหน้าชัดเจนขึ้นเป็นผลดีต่อตลาดในระยะถัดไป แนวรับ 1680+/-, 1674, 1665 แนวต้าน 1695-1700

กลยุทธ์การลงทุน : ไม่แนะนำเทรดดิ้งสั้น, พอร์ตลงทุน อ่อนตัวทยอยสะสม
  SET เมื่อวานหลุดจากกรอบแกว่ง 1700-1730 แล้ว ไม่แนะนำการเทรดดิ้งระยะสั้น-เน้นถือเงินสด รอประเมินจังหวะรอบใหม่ แต่สำหรับพอร์ตลงทุน มองเป็นโอกาสดีในการทยอยสะสมและถือลงทุนข้ามปี รับ Pre-election Rally โดยแนะนำแบ่งเงินซื้อที่บริเวณ 1660-65 และ 1650 ลงมา

• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Trading Pick BDMS – มองเป็นหลุมหลบภัยที่ดีในช่วงภาวะตลาดผันผวนสูงในปัจจุบัน เนื่องจากธุรกิจรพ.มั่นคงและมองแนวโน้มกำไร Q3 จะดี โดยคาดว่าจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เพราะปกติเป็นช่วงไฮซีซั่นและปีนี้ฝนตกนานเป็นพิเศษ ทำให้มีผู้ป่วยมากขึ้น / FTSE Rebalance Asia ex Japan มีผลราคาปิด 21 ก.ย. FTSE All World - มีหุ้นไทยถูกคัดออก คือ BEC, FTSE Large Cap - มีหุ้นไทยถูกออก คือ MINT (ลดระดับเป็น Mid Cap), FTSE Mid Cap มีหุ้นเข้าคือ MINT และหุ้นถูกออก คือ BEC, FTSE Small Cap – มีหุ้นเข้า คือ MBK, BEC (ตกมาจาก Mid Cap) / หุ้นกำไรครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก มี Upside สูง – CK, CMAN, NYT, PCSGH, PLANB, PRM, SEAFCO, STEC, WHA / หุ้นเด่นในแต่ละอุตฯ ที่น่าทยอยสะสม คือ AUTO – PCSGH / BANK – BBL, KBANK, SCB / COMM – CPALL, BJC, COM7 / CONMAT – SCC / CONS – CK, STEC, SEAFCO / FIN – AEONTS, ASAP / FOOD – MINT / ICT – INTUCH, TRUE / MEDIA – PLANB / PETRO – IVL, CMAN / PROP – ANAN, LH, QH, ROJNA / TRANS – BTS, JWD, NYT / mai – SPA / DIVIDENDs – KKP, LH, NYT, TPIPP, TVO
• หุ้น Weekly GURU ซื้อ EPG (เป้าสั้น 9.5 บ.), HANA (39.5 บ.) / ถือ STEC, TRUE (ปรับเป้าสั้นเป็น 7 บ. จาก 6.8 บ.) / ขายเปลี่ยนตัว BCP (+0.6%), III (+5.8%)
• หุ้นเด่น ก.ย. (Smart Tactics) BJC, CK, COM7, HANA, IRPC, MINT, PRM, TCAP
• หุ้นเด่น 2H18 Big Cap. - KBANK , BBL , CPALL , BJC , CK , IVL , SCC , LH , PSH , QH , TRUE , INTUCH / Mid-Small Cap. - BTS , COM7 , NYT , PLANB , ROJNA , STEC , SEAFCO , SPA

ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research