สงครามการค้ามีสัญญาณของการลดราวาศอก ความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้งยังหนุน

  สัญญาณของการประนีประนอมข้อขัดแย้งทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นการที่สหรัฐฯ ประกาศจัดเก็บภาษีที่ 10% ต่ำกว่าที่เคยส่งสัญญาณก่อนหน้า รวมไปถึงจีน ที่ประกาศเก็บภาษี 5-10%  สำหรับสินค้านำเข้า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัญฐฯ แม้จะไม่สามารถจัดเก็บสินค้ามูลค่านำเข้าได้มากเท่าสหรัฐฯ อยู่แล้ว (จีนส่งออก 5.06 แสนล้านเหรียญ ขณะที่นำเข้า 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) แต่สัญญาณประนีประนอมดังกล่าวเป็นบวกต่อบรรยากาศซื้อขายโดยรวม และยืนยันด้วยการที่ค่าเงินหยวนทรงตัว ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ฟื้นตัวขึ้น
  สำหรับตลาดหุ้นไทย ปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้ง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษบกิจรูปแบบต่างๆทำให้ตลาดสามารผ่าน 1730 จุด สร้างสัญญาณเชิงบวกในการเดินหน้าทดสอบ 1760-1800 จุด วันนี้คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย เป็นจิตวิทยาหนุนหุ้นในกลุ่มการเงินและตลาดรวม
  กลยุทธ์โดยรวมยังเป็นการทยอยสะสมหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งและบริโภคภายในประเทศ ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ รวมถึงกลุ่มหุ้นใหญ่ที่รองรับเม็ดเงินต่างชาติอย่างพลังงาน ทั้งนี้การขึ้นแรงในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมาทำให้หุ้นที่ยัง Laggard ใน SET50 อย่าง CPALL, TOA, TMB, WHA, PSH, BANPU, BCP, RATCH, AOT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ 
  ขณะที่หุ้นปลอดภัย รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็ก จะถูกสลับขึ้นมาเก็งกำไรคั่นเวลาในจังหวะตลาดรอปัจจัยบวกใหม่ๆ ส่งผลให้หุ้นไฟฟ้า พลังงานทดแทน หุ้นที่พักฐานมานานหุ้นที่ที่มีการถือครองต่ำ รวมถึงมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินที่จะดีขึ้น มีโอกาสถูกสลับตัวผลักดันขึ้นมา หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ EGCO, GULF*, EA*, BCPG*, CKP*, PYLON*, UNIQ*, EPG*, ASAP*, RJH*, STA*, TASCO*, SAMART*, BEM*, CBG*, ASAP*
Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, PTT, PTTEP/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG / กลุ่มการแพทย์ BDMS, BH, CHG, BCH / 
ภาพรวมกลยุทธ์: บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังเป็นบวก หลังผ่าน 1730 มีโอกาสเดินหน้าขึ้นทดสอบ 1760-1800 จุด  // หุ้นแนะนำวันนี้ CPALL, PSH / เก็งกำไร DCC* (เป้า 3.10 ตัดขาดทุน 2.70), S* (เป้า 3.80 ตัดขาดทุน 3.42)
แนวรับ 1710 / แนวต้าน : 1725 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

ประเด็นการลงทุน
  ดัชนีเชื่อมั่นสูงสุด8เดือน - ส.ค.2561 ดัชนีความเชื่อมั่นทุกภาคดีขึ้น อยู่ที่ 47.8 ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอนาคต อยู่ที่ 51.9 ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ โดยรวม อยู่ที่ 49.8 สูงสุดนับจากสำรวจมา 8 เดือน ปัจจัยบวกคือ การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโต 4.6% การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวขึ้น ปัจจัยลบคือ ผลกระทบจากน้ำท่วมและราคาน้ำมัน
  เคาะ 5 พันล.คืนภาษีคนจน - 'ทีดีอาร์ไอ' เห็นด้วย พ.ร.บ. ประชารัฐสวัสดิการ ในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ประชาชนผู้มีผู้มีรายได้น้อย โดยคืนไม่เกิน 500 บาท/เดือน
  PB (Not rated) - ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์จะมีการปรับราคาครั้งแรกในรอบ 7 ปี แม้ราคาวัตถุดิบจะขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ยังคงราคาเดิมมาตลอด จนปัจจุบันวัตถุดิบสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้บริษัทจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า 2-3 บาท เริ่มเดือนต.ค.นี้ เป็นการปรับเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับภาพรวมเบเกอรี่
  AOT – ศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวประกวดออกแบบอาคาร 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้การเซ็นต์สัญญาน่าจะเกิดขึ้นในลำดับถัดไป เป็นประเด็นบวกต่อหุ้น

ประเด็นติดตาม: 19 ก.ย. – ประชุม กนง. / 28 ก.ย. – กกต.หารือพรรคการเมือง
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ปัจจัยที่ต้องติดตาม  
19 ก.ย. –   ประชุมนโยบายการเงินไทย (กนง.)
                 ประชุมนโยบายการเงินญี่ปุ่น (BOJ meeting)

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

• CPALL (84) : หุ้น top pick ในกลุ่มค้าปลีก ราคาที่ปรับลดลงสะท้อนการชะลอตัวของผลการดำเนินงานไปแล้ว ขณะที่ลงมาถึงโซนซื้อ 63-67 ทำให้มีโอกาสเข้าสู่จุดฟื้นตัว/ซื้อกลับโดยนักลงทุน อีกทั้งได้ประโยชน์จากสัญญาณการบริโภคที่ฟื้นตัว
• PSH (24.50) : ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังคาดจะเร่งตัวขึ้น ขณะที่การกลับมาโฟกัสคอนโด Luxury ทำให้บริษัทกลับเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตอีกครั้ง และคาดได้บรรยากาศบวกจากการปรับผังเมืองฉบับใหม่ที่จะมีการเน้นขยายความเจริญไปตามแนวรถไฟฟ้า
• DCC* (3.10) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 2.70 บาท
• S* (3.80) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 3.42 บาท
• หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / GGC*, AEONTS*, SAWAD, MTC, EGCO, GULF*, EA*, BCPG*, PYLON*, UNIQ*, EPG*, ASAP*, RJH* GUNKUL*, PSTC*(ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)