ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมทั้งความไม่ลงตัวของร่างงบประมาณปี 2019 ของอิตาลี ขณะที่เมื่อวันจันทร์ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆบริเวณ 1,222 เหรียญเท่านั้น แต่เมื่อวานนี้ราคาดีดขึ้นอย่างรวดเร็วทะลุแนวต้าน 1,230 เหรียญ ขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,238 เหรียญโดยประมาณ ก่อนที่ราคา Gold Spot จะย่อตัวลงมาปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ระดับ 1,232 เหรียญ ทางด้านเงินบาทเองก็ผันผวนอย่างมาก โดยอ่อนค่าจาก 32.60 บาท/ดอลลาร์ ไปที่ 32.86 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงคืนเมื่อวาน ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงิน ในขณะที่ดอลลาร์ยังแข็งค่า โดยเมื่อวานดัชนีดอลลาร์เคลื่อนตัวบริเวณ 95.8 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่บริเวณ 95.75จุด ด้านเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ 32.80 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นในเอเชียปรับลดลงส่วนใหญ่ประมาณ 2%ขณะที่ตลาดดาวโจนส์ร่วงลงเกินกว่า 300 จุดในช่วง 3 วันทำการ และนำมาสู่การเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตร ทำให้ U.S. Yield Bond ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ราคาทองคำดีดตัวสูงขึ้นหลังผ่าน Consolidation Period มากว่า 1 สัปดาห์ ยืนเหนือ 1,212 เหรียญ และกลับมาทดสอบระดับสูงสุดเดิม 1,231 เหรียญ ท่ามกลางแรงซื้อขายที่ค่อนข้างหนาแน่น  ภาพรวมราคาทองคำยังเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้น โดยที่แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ 1,240 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ 1,220 และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น ขายทำกำไรและเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว  สำหรับ Gold Comex จะมีแนวรับที่ 1,225 เหรียญ และแนวต้าน 1,245 เหรียญ  

โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบ หาจังหวะทำกำไรฝั่ง Long มากกว่า

* GFV18 จะหมดอายุ 30 ต.ค. นี้ แนะนำให้เริ่มหันมาถือครอง GFZ18*

- นักลงทุนที่ถือ Long Position  

ปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้าน และรอเปิดสถานะเมื่อราคาอ่อนตัว

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ไม่แนะนำให้ถือครอง Short ในขณะนี้

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล เน้นทำกำไรฝั่ง Long มากกว่า

Gold Futures V18 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,180  บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,380 บาท