ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดตลาด (13 ก.ย.66) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 35.59 บาทต่อดอลลาร์


 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (13 ก.ย.66) ที่ระดับ  35.59 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.65 บาทต่อดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 35.58-35.75 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าไปตามการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังเงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไร หลังดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 105 จุด 

ความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินเฟดยังคงกดดันบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนมองว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจชะลอลงช้า จากการที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth พลิกกลับมาปรับตัวลดลง (Tesla -2.2%, Microsoft -1.8%) อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil +2.9%)  ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -1.04% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว -0.57% 
 
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.18% กดดันโดยแรงขายหุ้นธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (L’Oreal -1.4%, LVMH -1.1%) หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +1.1%, Total Energies +0.9%) รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่กลับมาเพิ่มโอกาส ECB คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้
 
ในฝั่งตลาดบอนด์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหว sideway ใกล้ระดับ 4.30% โดยมีจังหวะปรับตัวขึ้นได้บ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งนี้ เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ในจังหวะยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น อนึ่ง ในวันนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ซึ่งจากสถิติในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัว +/-10bps ในช่วงภายใน 30 นาที หลังการทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ณ ระดับปัจจุบันยังคงมีความน่าสนใจและคุ้มค่าในแง่ Risk/Reward 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ผันผวนพอสมควร โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงตลาดกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไรและย่อตัวลง ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุม ECB ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.5 จุด (กรอบ 104.5-105 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,935 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง 

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป Headline CPI อาจเร่งขึ้น +0.6%m/m (หรือ +3.6%y/y) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานเป็นสำคัญ ในขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI จะเพิ่มขึ้นเพียง +0.2%m/m (+4.3%y/y ชะลอลงต่อเนื่อง) ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%

ส่วนในฝั่งไทย เราประเมินว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนสิงหาคม อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 จุด จากระดับ 55.6 จุด ในเดือนก่อนหน้า หลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้เสร็จสิ้นลง ช่วยลดความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศและสร้างความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันอาจยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยและค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้างในช่วงระหว่างวัน หากนักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย ทว่าเงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมาก เนื่องจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มชะลอลง ซึ่งเป็นไปได้ว่า นักลงทุนต่างชาติต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในคืนนี้เช่นกัน และนอกเหนือจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ เรามองว่าโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวก็มีโอกาสกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้บ้าง หลังราคาทองคำได้ย่อตัวลงทดสอบโซนแนวรับสำคัญ ทำให้ผู้เล่นบางส่วนอาจอยากลุ้นการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ หากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 

ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ (จะรับรู้ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย) โดยจากสถิติในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า เงินบาทสามารถแกว่งตัว อ่อนค่าลง 0.2% และแข็งค่าขึ้นได้ราว 0.4% ภายใน 30 นาที หลังตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยเรายังให้โอกาสเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป headline CPI ที่ปรับตัวขึ้นนั้นก็เป็นผลจากราคาพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเฟดอาจให้น้ำหนักต่อทิศทางของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI มากกว่า 

อนึ่ง ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ 

และประเมินกรอบเงินบาท 35.40-35.75 บาท/ดอลลาร์  ในช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ก.ย. 2566 เวลา : 10:41:59

29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 3:43 pm