Special Report : เศรษฐกิจไทย "เงินเฟ้อต่ำ แต่โตช้า" สะท้อนปัญหาลึกกว่าที่คิด


เศรษฐกิจโลกขณะนี้ กำลังอยู่ในสภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก พิจารณาได้จากเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังย่ำแย่ จากภาพการบริโภคที่ลดต่ำ และมาตรการกีดกันทางภาษีที่ยังคงคลุมเครือ ส่งผลเสียต่อกลไกทางเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงประเทศไทย ที่ถึงแม้จะได้เปรียบจากสภาวะเงินเฟ้อที่ต่ำ แต่เศรษฐกิจก็เติบโตอย่างเชื่องช้า และมีปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดันให้ผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจโลกนั้นส่งผลกระทบหนักยิ่งขึ้น
 
ไทย เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กและเปิด ซึ่งมีการพึ่งพาต่างชาติในสัดส่วนที่สูงมาก โดยภาคการส่งออกนั้นขับเคลื่อนการเติบโตของ GDP ไทยถึง 60-70% และการท่องเที่ยวจากต่างชาติคิดเป็น 20% ของ GDP ด้วยความผูกพันกับเศรษฐกิจโลกในระดับสูงนี้ ทำให้ไทยมีทิศทางเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินโลก และหัวเรือใหญ่อย่างสหรัฐ ที่จัดว่าเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดของไทยอีกด้วย
 
ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐมีความซบเซาลง และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนั้นย่อมกระทบกับความเชื่อมั่นของตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก เพราะตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดโลกเชื่อมโยงกันทั้งหมด อีกทั้งนโยบายกีดกันทางภาษีสินค้านำเข้าก็ยังส่งผลกระทบต่อการชะงักงันของห่วงโซ่การผลิตของโลกอีกด้วย และสิ่งที่เกิดขึ้นกับไทยตอนนี้คือ เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำเป็นที่ต้องมีราคาแพงขึ้น จากต้นทุนที่มากกว่าเดิม ในขณะที่กำลังซื้อในประเทศยังไม่เข้มแข็ง และมีแนวโน้มที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นปัจจัยที่ยังทำให้สภาวะเงินเฟ้อคงอยู่ในระดับต่ำ
 
กล่าวคือสภาวะเงินเฟ้อต่ำของไทยนั้น มาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ที่มีการแข่งขันด้านราคาจากสินค้านำเข้าสูง โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่ได้เปรียบทางต้นทุน ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยปรับราคาขึ้นยาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน อาทิ ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง มาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ เช่น การอุดหนุนค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมัน รวมถึงสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร ทำให้ราคาของสินค้าไม่สามารถปรับได้สูงขึ้นมากนัก แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ผู้ประกอบการในประเทศมีกำลังการผลิตหรืออุปทานที่ต่ำลงไปด้วย เพราะจำเป็นต้องขายสินค้าราคาถูก ในขณะที่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปที่ผู้บริโภคได้
 
ซึ่งการที่ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้ ก็เป็นเพราะอุปสงค์ในประเทศ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าอุปทานในประเทศเลย กล่าวคือ การที่เงินเฟ้อต่ำ อาจจะฟังดูดี เพราะของจะแพงขึ้นช้า แต่ในกรณีไทยมันมาจากตัวแปรที่ “ไม่มีคนซื้อของ” มากกว่า “ของถูกลง” เนื่องจากความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนก็มีแนวโน้มลดต่ำลงจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ยังคงไม่ฟื้นฟูเต็มที่นับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์ของปัญหาเศรษฐกิจโลก ณ ปัจจุบัน ก็ส่งผลให้คนยิ่งคิดหนักในการซื้อของมากขึ้น ตรงนี้เองจึงเสมือนกับวงจรความเสียหายที่ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ที่ภาคการผลิตภาคส่งออกได้รับผลกระทบด้านต้นทุน โดยเฉพาะในธุรกิจ SME ที่เป็นแหล่งจ้างงานหลักทั่วประเทศไทย จึงส่งผ่านไปถึงความกดดันด้านการจ้างงาน และรายได้ที่ลดต่ำลง ซึ่งเท่ากับเงินในกระเป๋าก็ลดต่ำลงด้วย ผลกระทบจึงตกไปอยู่ที่ภาคการบริโภคในประเทศเต็ม ๆ ขณะที่การบริโภคในประเทศก็ยังไม่สามารถพึ่งพาได้อีก
 
ฉะนั้นตอนนี้เศรษฐกิจไทยจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจเปราะบาง เครื่องยนต์หลักในการขับเคลือนเศรษฐกิจดับ และขาดการปรับตัวเข้าสู่โลกใหม่ เพราะพึ่งพาการท่องเที่ยวและเกษตรกรรมมากเกินไป ไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือเทคโนโลยีระดับโลกที่แข่งขันได้ หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปโดยที่รัฐบาลไม่ส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศหรือปรับเปลี่ยนการเข้ามาของทุนต่างชาติให้เอื้อต่อผลประโยชน์ของไทยมากกว่านี้ เศรษฐกิจไทยก็อาจจะไม่ใช่มีแนวโน้มโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่อาจจะถึงขั้นเข้าสู่สภาวะถดถอยในอนาคตเลยก็เป็นได้

LastUpdate 08/06/2568 20:46:13 โดย : Admin
กลับหน้าข่าวเด่น
16-06-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 16, 2025, 10:40 am