
หลังจากช่วงวิกฤตของไวรัสโควิด-19 รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนเราก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็น New Normal ที่เกิดขึ้นมาในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะการใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น ที่ครอบคลุมไล่มาตั้งแต่ในเรื่องของสุขภาพ จนถึงการปรนนิบัติตัวเอง หรือที่เรียกกันว่า “Self Care” ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวได้ผลักดันให้มูลค่าสินค้าในหมวด Bath and Body มีการเติบโตขึ้นอย่างมาก เช่น ในประเทศไทยที่สูงถึง 1.9 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศเป็นไปในลักษณะร้อนชื้น ด้วยเหตุผลนี้ทำให้คนไทยนิยมอาบน้ำเป็นประจำทุกวัน และส่วนใหญ่แล้วอาบถึงวันละ 2 ครั้งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นไทยจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตของผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งเทรนด์การดูแลตัวเองได้เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นหลังจากช่วงโควิด-19 ทำให้คนไทยกลายเป็นกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในเรื่องของความสวยความงาม ที่ได้รับอิทธิพลร่วมมาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมบันเทิง T-Pop และ T-Beauty
โดยเมื่อเรื่องของ Self Care กับความสวยความงามมาบรรจบกัน การบริโภคสินค้าและบริการจึงไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่การตรวจสุขภาพประจำปี การทำหัตถการใบหน้า หรือการซื้อเครื่องสำอางเท่านั้น แต่ยังรวมมาถึงการหันมาจริงจังกับการดูแลผิวพรรณกันมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำหรือครีมทาผิวต่าง ๆ มีตัวเลือกที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้นในตลาดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพวกเขาไม่ได้แค่ต้องการสินค้าเพียงแค่ทำความสะอาดร่างกาย หรือเน้นผลลัพธ์ที่ความขาวอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาเริ่มหันมาพิจารณาในผลลัพธ์อื่น ๆ เช่น ความชุ่มชื่น ความอ่อนเยาว์ ความสุขภาพดีของผิว เรื่องของกลิ่นที่ถูกจริตกับตัวเอง ความผ่อนคลาย ฯลฯ
ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่าการอาบน้ำ ได้เกิดการวิวัฒนาการ กลายเป็น “การอาบน้ำใหญ่” ขึ้นมา โดยในปัจจุบันเทรนด์ดังกล่าวกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในสังคมไทย ซึ่งใน 1 วันของแต่ละอาทิตย์ (เป็นอย่างน้อย) พวกเขาจะมีการอาบน้ำใหญ่ ที่เริ่มตั้งแต่การสระผม ชำระล้างร่างกาย และบำรุงผิว โดยจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายประเภทมากขึ้น มีทั้งแชมพู ทรีทเม้นต์ผม สบู่ก้อน ครีมอาบน้ำ Bath Oil สครับขัดผิว มาส์กพอกผิว สมุนไพรขัดตัว Body Oil ครีมทาผิว และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เรียกว่ามีความ Fancy มากยิ่งขึ้นในแต่ละผลิตภัณฑ์ที่ออกมาสู่ท้องตลาดในหมวด Bath & Body
โดยทางบู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) หรือ Boots ร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามสัญชาติอังกฤษที่มีสาขาตั้งอยู่ในไทย รายงานว่า พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยตลาดผลิตภัณฑ์อาบน้ำและบำรุงผิว หรือ Bath & Body ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งตอนนี้มีมูลค่ารวมกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าหมวดนี้ยังทำรายได้สูงถึง 5% ของยอดขายรวมภายในร้าน สะท้อนถึงศักยภาพสำคัญของตลาดสินค้าดังกล่าว โดยที่ทาง Boots เองก็จะหันมารุกตลาดนี้อย่างจริงจังมากขึ้นผ่านสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (Own Brand) เป็นหัวหอกสำคัญที่จะใช้เอกลักษณ์ในเรื่องของกลิ่นเพื่อสร้างยอดขายและสร้างฐานลูกค้าสมาชิกกว่า 2 ล้านคน
จะเห็นได้ว่าตลาดสินค้า Bath & Body กำลังกลายเป็นพื้นที่แห่งโอกาสของภาคธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมากในประเทศไทย แม้จะเริ่มมีจำนวนแบรนด์หรือบริษัทผลิตหลายรายแข่งขันกันอยู่ แต่ก็ยังพอมีช่องว่างให้เข้าไปได้หากมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เช่น นวัตกรรม กลิ่น หรือการมุ่งตอบสนองเฉพาะกลุ่มที่สามารถสร้างความแตกต่างที่จับต้องได้ สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดดังกล่าวในปี 2030 ที่มูลค่าคาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นไปถึง 3 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว
ข่าวเด่น