
สำหรับข่าวช่วงนี้ที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกและยังเป็นภัยใกล้ตัวของคนไทยก็คงจะหนีไม่พ้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือ Scammer ในกัมพูชาที่กำลังโดนเปิดโปงในเวทีระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง แต่คำถามคือ อะไรที่ทำให้ศูนย์กลางฉ้อโกงใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชาถึงสามารถโทรติดต่อไปหลอกลวงเอาเงินจากผู้เหยื่อผู้โชคร้ายทั่วโลกได้ในระดับหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แถมยังยิ่งใหญ่เสียจนไม่มีใครตรวจจับได้มานานเกือบสิบปี
คำตอบก็คือ อาญากรรมนี้มีแรงสนับสนุนจาก 2 ปัจจัยหลักด้วยกัน ได้แก่ การรู้เห็นจากรัฐบาลของกัมพูชาที่มีส่วนได้เสีย (GDP เกือบครึ่งของประเทศมาจากอุตสาหกรรมการโกงนี้) และเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญให้กระบวนการหลอกเอาเงินเหยื่อบรรลุผล ซึ่งก็คือ “Starlink” ซึ่งเป็นเป็นบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม โดยใช้ดาวเทียมหลายพันดวงโคจรอยู่ในวงโคจรต่ำ (LEO – Low Earth Orbit) เพื่อส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังพื้นโลกทั่วทุกพื้นที่ จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกลทางภูมิศาสตร์ที่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่เสถียรหรือไม่มีเลย โดยเพียงแค่มีชุดอุปกรณ์รับสัญญาณ หรือ Starlink Kit และจ่ายค่าบริการก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้แล้วโดยไม่ต้องติดตั้งอะไรให้ยุ่งยาก
โดยข้อดีหลักที่เป็นการสนับสนุนให้เกิดโครงข่ายการหลอกลวงระดับโลกนี้คือ เมื่อใช้ดาวเทียมโคจรต่ำในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณจากพื้นที่ที่ห่างไกล จะสามารถหลบเลี่ยงการควบคุมของโครงข่ายโทรคมนาคมภายในประเทศหรือหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้ ต่างจากการใช้การใช้อินเตอร์เน็ตของโครงข่ายในประเทศ (เช่น ไทยที่ใช้เทคโนโลยีเคเบิลอย่างใยแก้วนำแสงในการส่งข้อมูลอินเตอร์เน็ต) ที่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถตรวจสอบพิกัดและตัดสัญญาณได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเทคโนโลยีอย่าง Starlink จึงได้กลายเป็น “เครื่องมือทางอินเทอร์เน็ต” ที่เหมาะสมกับเครือข่ายสแกมในภูมิภาคดังกล่าว และเพียงพอที่จะใช้สำหรับการหลอกลวงออนไลน์ในรูปแบบของการแชท โทร และวิดีโอคอล โดยตั้งใจตั้งถิ่นฐานสำนักงานใหญ่บริเวณชายแดน และพื้นที่ห่างไกลเพื่อหลบหลีกการตรวจสอบและยังอำนวยความสะดวกต่อการสร้างโรงงานนรกที่กักขังพนักงานจากทั่วทุกมุมโลกอย่างผิดกฎหมาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Starlink จะเป็นผู้สนับแก๊งคอลเซนเตอร์ในกัมพูชาโดยตรง เนื่องจาก SpaceX ภายใต้การควบคุมของอีลอน มัสก์ ที่เป็นผู้ให้บริการ ได้สร้าง Starlink ขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะทำให้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ระบบแบบเดิมเข้าถึงยาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ที่มีความจำเป็น เช่น พื้นที่สงครามอย่างยูเครนที่โดนรัสเซียโจมตีสถานีอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังมีเงื่อนไขการใช้งานว่าไม่อนุญาตให้ใช้ในกิจกรรมหลอกลวงหรือผิดกฎหมาย เพียงแต่เหรียญก็ต้องย่อมมีสองด้าน เพราะในทางกลับกันอาชญากรก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดั่งกรณีของกลุ่มก่อการร้าย และแก๊งคอลเซนเตอร์ดังกล่าว
ไม่เพียงแค่นั้น แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมแห่งกัมพูชา (TRC) กำหนดให้การให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink เป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศ แต่กลับถูกลักลอบนำเข้าประเทศหรือซื้อขายกันในตลาดมืดเป็นปกติ และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีความจริงจังในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เลยจวบจนรัฐบาลเกาหลีได้รุกหนักกดดันกัมพูชาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้วุฒิสมาชิกจากสหรัฐ ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึง SpaceX เรียกร้องให้สอบสวนและระงับสัญญาณที่ถูกใช้โดยแก๊งค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญาณว่าเรื่องนี้อาจกลายเป็นประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์ระหว่างประเทศเลยทีเดียว ก็คงต้องรอติดตามในระยะถัดไปว่า อีลอน มัสก์ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยเบื้องต้นคาดการณ์ถึงสิ่งที่สามารถทำได้ว่า อาจเป็นใช้การ Geofencing (ระบบจำกัดพื้นที่ใช้งาน) เพื่อปิดการใช้งานสัญญาณดาวเทียมในพิกัดที่ไม่ได้รับอนุญาต และการตรวจสอบอุปกรณ์ผ่าน satellite ID ซึ่งสามารถรู้ได้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหนในโลกและดำเนินระงับการเชื่อมต่อได้ในทันที
ข่าวเด่น