นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตสำหรับธุรกิจสินเชื่อรายย่อยได้ค่อนข้างมาก ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีฯ ที่มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยเป็นหลักอยู่แล้ว โดยมองว่าปัจจัยเรื่องการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท จะเป็นแรงผลักสำคัญให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้นด้วย ฉะนั้นจะนำไปสู่กลุ่มสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตได้ดี
"เรามองว่าปัจจัยเรื่องรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทเท่านั้นที่ได้รับการปรับเพิ่มรายได้ แต่กลุ่มที่มีรายได้เกินอยู่แล้วก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้นไปตามสัดส่วนด้วยเช่นกัน กำลังซื้อก็เพิ่มขึ้นเป็นทอดๆ ทำให้ความต้องการสินเชื่อจึงยังมีเพิ่มขึ้นต่อไปด้วย"
นอกจากนี้ มาตรการเรื่องรถคันแรกที่ยังทยอยส่งมอบกันในปีนี้ต่อเนื่อง ก็ยังทำให้ตลาดสินเชืีอเช่าซื้อรถยนต์ยังคงเติบโตได้ดี ซึ่งธนาคารก็มีธุรกิจกลุ่มนี้อยู่ค่อนข้างมากผ่านการทำตลาดในแบรนด์ "กรุงศรี ออโต้" จึงจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้พอร์ตสินเชื่อรายย่อยขยายตัวได้ดี
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ก็ถือว่ามีปัจจัยเติบโตที่ดีกว่าในปีที่ผ่านๆ มา โดยที่ปัจจัยเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีอานิสงส์ตั้งแต่ธุรกิจรายใหญ่ไล่เรียงไปจนถึงธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีที่จะเป็นซัพพลายเออร์ของธุรกิจรายใหญ่อีกชั้นหนึ่ง รวมถึงล่าสุดที่เพิ่งปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีใหม่เป็น 5.3% ก็สะท้อนว่าทิศทางเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี
นางเจนิสกล่าวอีกว่า ปัจจัยทั้งสองกลุ่มนี้เป็นแรงสนับสนุนการเติบโตสินเชื่อได้ดีทุกฝั่ง ซึ่งธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยอยู่ประมาณ 50% และสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่รวมกับเอสเอ็มอีอีก 50% ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว การเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ก็จะขยายในทุกตลาดเพื่อรักษาสัดส่วนสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมดังกล่าว
"ปีนี้เราตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อประมาณ 12% ซึ่งก็ยังคงเป้าหมายนี้เช่นเดิม แม้ว่าไตรมาสแรกพอร์ตสินเชื่อโดยรวมของเราจะเติบโตเพียง 0.9% เท่านั้น แต่โดยปกติแล้วสินเชื่อส่วนใหญ่ของเราจะมาขยายตัวที่ไตรมาส 3-4 มากกว่า ตามลักษณะการใช้สินเชื่อของผู้บริโภค เช่นปีที่แล้ว ช่วง 3 ไตรมาสแรกสินเชื่อเราเติบโตประมาณ 8.8% แต่เมื่อปิดสิ้นปีก็สามารถขยายพอร์ตโดยรวมได้ถึง 17.2% ฉะนั้นก็ยังมั่นใจว่าเป้าหมายสินเชื่อของเรายังเติบโตได้"
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นางเจนิสกล่าวว่า เป็นการเติบโตที่น่าพอใจ โดยเฉพาะผลกำไรสุทธิถึงกว่า 4 พันล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ของธนาคารเช่นกัน โดยปีนี้ธนาคารยังคงเดินหน้าช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น การขยายธุรกิจเข้าไปให้บริการลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาทีมงานให้มีศักยภาพการบริการอย่างเต็มที่
ข่าวเด่น