บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยนตรกรรมหรู รุ่นใหม่ล่าสุดได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตระกูล อี-คลาส ใหม่ 2 รุ่น ประกอบด้วย อี-คลาส คูเป้ รถยนต์สปอร์ต์คูเป้ 2 ประตู และ อี-คลาส คาร์บิโอเลต รถสปอร์ต เปิดประทุนแบบ 4 ที่ พร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ที่เร้าใจ น่าหลงใหล ให้ความเป็นสปอร์ต และเต็มไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปรัชญาการออกแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เน้นความหรูหรา มีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว
รถหรูของค่ายดาวสามแฉกทั้ง 2 คันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่สี่สูบแถวเรียง แบบบูลไดเรค (BlueDIRECT) ที่ทรงพลังเต็มไปด้วยสมรรถนะและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นโดยมีหัวฉีดชนิดไพโซ (piezo) ฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง และเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่ใช้กับเครื่องยนต์ วี6 และ วี8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยได้นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก
เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่นี้ รวมถึงจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงและจุดระเบิดแบบหลายครั้งติดต่อกันตรงสู่ห้องเผาไหม้ ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ระบบช่วยประจุอากาศด้วยเทอร์โบชาร์ทเจอร์ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น โดย อี-คลาสด คูเป้ จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 18กม./ลิตร ส่วนอี-คลาส คาร์บิโอเลตอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 16กม./ลิตร นอกจากนั้นเครื่องยนต์ทุกรุ่นมาพร้อมกับฟังก์ชัน อีโค สตาร์ท / สต๊อป เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ(7G-TRONIC PLUS)
รูปโฉมภายนอกของ อี-คลาส คูเป้ และอี-คลาส คาบิโอเล่ต์ ที่ปรับเปลี่ยนอย่างเด่นชัดที่สุด คือ แผงกระจังหน้าและโคมไฟแบบใหม่ ซึ่งเป็นการรวมเอาฟังก์ชั่นการทำงานของไฟแอลอีดี ต่างๆ รวมไว้ในกรอบเดียวกัน และยังมีการนำเทคโนโลยีไฟแอลอีดี แบบไฟเบอร์ออฟติค มาใช้ด้วยทำให้ไฟคู่หน้ามีลักษณะแบบสี่ตา(four-eyed) กระจังหน้าเป็นแบบสปอร์ตมีลาย 1 แถบพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ดวงใหญ่ตรงกลาง กันชนด้านหน้าได้รับการดีไซน์ใหม่เน้นรายละเอียดมากขึ้น พร้อมช่องอากาศขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียม ทำให้ดูปราดเปรียว
อี-คลาส คูเป้ สง่างามได้สัดส่วนด้วยฝากระโปรงหน้าที่เทลาดยาวและลายเส้นด้านข้างตั้งแต่หน้าจรดท้าย รับกับความโค้งมนของเส้นใต้หลังคาของรถสไตล์คูเป้ เน้นความหรูหราและปราดเปรียว ที่โดดเด่น คือ ไม่มีเสาหลังคากลาง B-Pillar ทำให้บรรยากาศภายในรถดูโปร่งสบายและกว้างมากขึ้น พร้อมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนอี-คลาส คาบิโอเล่ต์ โดดเด่นด้วยลายเส้นนูนด้านข้างตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้ายรถ ทำให้เกิดมิติด้านข้างสวยงามและได้สัดส่วน หลังคาเปิดประทุนแบบผ้า สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าและสามารถสั่งการทำงานด้วยกุญแจรีโมทคอนโทรล โดยเปิด-ปิดภายในเวลา 20 วินาที แม้ขณะรถวิ่งมาด้วยความเร็วที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายในห้องโดยสารมีการปรับให้มีความผสานกลมกลืนสวยงามเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไป มีบรรยากาศความเป็นสปอร์ตในทุกรายละเอียด และเลือกใช้วัสดุชั้นดีมีคุณภาพสูงทำให้ดูหรูหรามีระดับ นาฬิกาแบบอนาล็อกอยู่ตรงกลางแผงคอนโซลระหว่างช่องแอร์ให้ความสวยงามแบบคลาสสิกเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง และสำหรับรุ่นอี 200 คูเป้ เอเอ็มจี ได้นามิค และอี 200 คาบิโอเล่ต์ เอเอ็มจี ไดนามิค จะเป็นเบาะหุ้มหนัง ARTICO สีดำ เป็นแบบ multi-contour seatsปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ สำหรับตำแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง พร้อมด้วยระบบเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกรถ


สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ THERMATICแบบ 2-zone สำหรับรุ่น อี-คลาส คาบิโอเล่ต์ จะมีแผงบังคับทิศทางลม (AIRCAP®) และแผงกั้นลม (draught-stop) ที่ช่วยลดกระแสลมที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารรวมถึงเสียงรบกวนจากภายนอกโดยระบบ AIRCAP® จะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วตั้งแต่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป และระบบจะหยุดการทำงานเองได้โดยอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วต่ำกว่า 15กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนั้นยังติดตั้งพวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่ นพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ DIRECT SELECT ที่พวงมาลัยซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ที่สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วรถ ซึ่งจะช่วยทำให้การควบคุมทิศทางรถเป็นไปอย่างเที่ยงตรงแม่นยำ
.jpg)

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยใหม่ที่ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเรียกว่า ระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้รถ ทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นยานยนต์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดคันหนึ่งในเซ็กเม้นท์นี้ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียว
สำหรับรุ่น อี 200 คูเป้ เอเอ็มจี ไดนามิค และ อี 200 คาบิโอเล่ต์ เอเอ็มจี ไดนามิค มาพร้อมกับชุดแต่ง เอเอ็มจี ประกอบไปด้วย กันชนหน้า-หลังดีไซน์สปอร์ต พร้อมตกแต่งด้วยโครเมียม, สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 18นิ้ว, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต และพรมรองพื้นสีดำ พร้อมสัญลักษณ์เอเอ็มจี ยังมีเฉดสีภายนอกให้เลือกตามความต้องการถึง 12สี ราคาเร้าใจสุดๆ และรับรถได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
ราคาจำหน่าย
· อี 200 คูเป้ สปอร์ต 3,790,000 บาท
· อี 200 คูเป้ เอเอ็มจี ไดนามิค 3,790,000 บาท
· อี 200 คาบิโอเล่ต์ เอเอ็มจี ไดนามิค 3,990,000 บาท
ข่าวเด่น