เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนมาก แต่ผู้บริหารจากธนาคารธนชาต ก็ยังมั่นใจว่า ธุรกิจจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจจะยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโตได้ที่ 8-10% ส่วนในปี 2557 ธนาคารจะดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์เสริมฐานให้มั่นคง เพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน “Strengthening for Growth" ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการกระจายสัดส่วนสินเชื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ โดยจะขยายสินเชื่อธุรกิจสินเชื่อ SME และสินเชื่อเคหะ พร้อมทั้งกระจายสัดส่วนไปยังสินเชื่อบุคคลให้มากขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น บัตรเครดิต ตลอดจนสินเชื่อบุคคลอื่นๆ
แต่ธนาคารก็ยังจะเน้นรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ต่อไป โดยจะขยายสินเชื่อรถแลกเงินเพื่อเพิ่มผลตอบแทนรวมให้สูงขึ้น รวมทั้งธนาคารจะมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่ง จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของธนาคาร ไม่ว่าจะพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนากระบวนการ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย
ด้านเงินฝาก ธนาคารจะมุ่งแสวงหาลูกค้าเงินฝากรายใหม่ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าในการระดมเงินฝากให้เหมาะสม พร้อมทั้งการปรับฐานโครงสร้างเงินฝาก ด้วยการเพิ่มสัดส่วนเงินฝากการะแสรายวันและออมทรัพย์ให้มากขึ้น ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4.4% ซึ่งคาดว่าในปี 2557 หนี้ NPL จะปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 4% ซึ่งอาจจะสูงกว่าอุตสาหกรรมที่อยู่ประมาณ 2% แต่ธนาคารจะมีการบริหารจัดการให้ปรับลดลงเรื่อยๆ โดยคาดว่าจะลดลงปีละประมาณ 0.75-1% ต่อปี

าน นายธีรชาติ จิรจรัสพร ผู้อำนวยการอาวุโส พัฒนาผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ ธนาคารธนชาต มองว่า การแข่งขันธุรกิจเช่าซื้อรถยังรุนแรงต่อเนื่อง จากการออกแคมเปญกระตุ้นการขาย แม้ว่าในส่วนของรถยนต์ใหม่ผู้ผลิตได้ลดกำลังการผลิตลง แต่ยังมีสต๊อกเหลืออยู่จำนวนมาก และความต้องการรถยนต์จะยังมีต่อเนื่องไปจนถึงงานมอเตอร์โชว์ในช่วงต้นปีหน้า โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ปีนี้จะยังอยู่ที่ 1-1.1 ล้านคัน และมีแนวโน้มที่ความต้องการรถยนต์มือสองจะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายปรับลดลงมาก
สำหรับสัดส่วนหนี้เสียของโครงการรถยนต์คันแรกยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยจากการจัดเก็บข้อมูลของธนาคารเมื่อเปรียบเทียบระหว่างโครงการรถคันแรก กับลูกค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ พบว่า คุณภาพหนี้ของโครงการรถคันแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่า เพราะมีการจ่ายเงินดาวน์ในอัตราที่สูง และลูกค้าส่วนใหญ่มีรายได้สูงกว่าค่างวดที่ต้องผ่อนชำระหลายเท่า
.jpg)
ข่าวเด่น