แบงก์-นอนแบงก์
"กสิกรไทย" ปีหน้ารุกหน้ัก ลุยรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ยในธุรกิจรายใหญ่


"กสิกรไทย" ตั้งเป้าเพิ่มรายไม่ใช่ดอกเบี้ยในธุรกิจรายใหญ่ หลังปัจจัยทั้งในและนอกยังคลุมเครือ พร้อมให้บริการจัดการแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นธนาคารแรกในไทย




 
 
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจรายใหญ่ในปีหน้าภายใต้สถานการณ์ที่ยังคลุมเครือของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยราคาน้ำมันโลกที่กำลังอยู่ในช่วงการปรับสมดุลใหม่ ที่ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร และปัจจัยด้านดอกเบี้ย ที่มีผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของประเทศรัสเซียเพื่อแก้ปัญหาเรื่องค่าเงินและส่งผลกระทบต่อตลาดเงินในประเทศอื่น และแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับทิศทางดอกเบี้ยของไทย ที่ยังไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ปัจจัยที่ยังคลุมเครือทำให้ทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศไทยที่มีความหวังในแง่ดีจากการลงทุนภาครัฐที่จะเป็นแรงส่งที่สำคัญให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ราว 4 % โดยเป้าหมายทางด้านธุรกิจรายใหญ่ของธนาคารในปี 2558 เป็นปีที่ใช้ได้ปีหนึ่งหากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐสามารถเดินหน้าได้ ภาพรวมสินเชื่อรายใหญ่ในปีหน้าก็จะสามารถเติบโตได้ราว 4 -7 % อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของธนาคารนอกจากการเติบโตทางด้านสินเชื่อยังเน้นการเติบโตทางรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน

โดยการเติบโตจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธุรกิจรายใหญ่เติบโตมาต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจาก 2 ส่วนที่สำคัญ คือ ธุรกิจธุรกรรมผ่านธนาคาร หรือ Transaction Banking และการนำบริษัทเอกชนเข้าถึงแหล่งทุนตลาดทุน ซึ่งบริการทางด้าน Transaction Banking ในปีนี้เติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ของธนาคารที่สามารถเติบโตสวนตลาด ทำให้สัดส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 45 % ของรายได้รวม ในธุรกิจรายใหญ่

“เป้าหมายที่สำคัญของธุรกิจรายใหญ่ในปีหน้า นอกจากสินเชื่อที่มีความหวังในแง่ดีจากการลงทุนของภาครัฐแล้ว รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังมีแรงส่งต่อเนื่องจากปีนี้ ที่มาจาก Transaction Banking บริการป้องกันความเสี่ยง และ การช่วยให้เอกชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน ที่ยังมีหลายรายค้างจากปีนี้ ซึ่งเป้าหมายของธนาคารหวังที่จะมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในสัดส่วน 50% ของรายได้รวมในธุรกิจรายใหญ่ในอนาคต” นายวศินกล่าว

 
 
 
นายวศินกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ธนาคารได้เปิด บริการจัดการแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Domestic Letter of Credit) หรือ E-DL/C เป็นธนาคารแรกในไทย หนุนประสิทธิภาพบริษัทไทยแข่งขันในเออีซี นำร่องให้บริการเหล็กสยามยามาโตะ ผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนชั้นนำ มั่นใจช่วยธุรกิจลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเตรียมและรับส่งเอกสาร ติดตามสถานะเอกสารใน E-DL/C ได้ทุกที่ทุกเวลา ตั้งเป้าเตรียมขยายบริการสู่ซัพพลายเชนอื่นต่อไป

โดยภาพรวมแล้วบริการจัดการเอกสารแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Domestic Letter of Credit) หรือ E-DL/C นี้ จะช่วยคู่ค้าทั้งในเรื่องความสะดวกในการทำเอกสาร ช่วยลดต้นทุนทั้งในแง่ค่าใช้จ่ายและเวลา และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำธุรกรรมและติดตามสถานะเอกสารในระบบได้ ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย เตรียมขยายบริการแก่กลุ่มธุรกิจที่มีเครือข่ายธุรกิจ (Supply Chain) ขนาดใหญ่ เพื่อให้บริการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทไทยในการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินธุรกิจในยุคเออีซี

ปัจจุบัน บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด มีคู่ค้าหลัก (Dealer) จำนวนกว่า 20 ราย และมีการขายสินค้าด้วยแอล/ซีในประเทศเป็นสัดส่วนถึง 40% ของมูลค่าขายในประเทศ โดยบริษัทฯ ต้องเปิด DL/C ปีละมากกว่า 400 ฉบับ และเตรียมเอกสารใบเรียกเก็บเงิน ปีละมากกว่า 4,000 ฉบับ จึงเชื่อว่าบริการจัดการเอกสารแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Domestic Letter of Credit) หรือ E-DL/C จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะช่วยลดระยะเวลาในการเตรียมและยื่นเอกสารเพื่อขอเรียกเก็บเงินได้ไม่ต่ำกว่า 30% ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางรับ-ส่งเอกสารไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทต่อปี รวมถึงเพิ่มความสะดวกให้กับบริษัทฯ สามารถทำธุรกรรมและตรวจสอบสถานะได้ทุกที่ทุกเวลา
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ธ.ค. 2557 เวลา : 14:13:43
17-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 17, 2025, 1:49 pm